ผ่านไปเกือบ2เดือนแล้วหลังจากที่เฟยหรงเปิดร้านโอสถขึ้นมา ทั้งยังได้รับผลตอบรับจากชาวเมืองเป็นอย่างดีเยี่ยม และไม่มีสิ่งใดมารบกวน เฟยหรงให้พนักงานทั้งหมดทำหน้าที่ขายของไปส่วนเธอก็ทำหน้าที่ดูแลบัญชี หลอมโอสถ และผลิตอุปกรณ์อักขระใหม่ๆออกมาขาย ในระหว่างนั้นเองเฟยหรงก็ได้ให้ครอบครัวของตัวเองเข้าไปฝึกในมิติทุกวัน จนตอนนี้ทุกคนมีระดับพลังที่เพิ่มขึ้นมาจากแต่ก่อนมาก โดยเฉพาะชางลี่พี่ชายคนโตที่ก้าวหน้าไปกว่าทุกคน
"พอก่อนท่านพี่ ข้าเหนื่อยแล้ว" หลิ่งอี้เอ่ยแล้วล้มลงไปนอนกองกับพื้นลานประลองในมิติธาตุ
"เจ้าเหนื่อยแล้วหรือน้องสี่ ข้ายังไม่เหนื่อยเลย" ชางลี่เลิกคิ้วขึ้นแล้วนั่งพักบ้าง
"เหนื่อยสิ! ท่านพี่อยู่ในระดับราชันย์ขั้น5แล้วจะมาเทียบกับข้าที่อยู่เพียงระดับจอมทัพขั้น2ได้อย่างไร" หลิ่งอี้เอ่ยประชดประชัน ทำให้พี่ใหญ่คลี่ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
"เจ้าเสร็จแล้วก็ลงไปก่อน พ่อจะฝึกต่อ" ช่างล่างเอ่ยกับบุตรชายคนเล็ก หลิ่งอี้จึงกระโดดลงมาจากลานประลองแล้วไปนั่งพักดูดซับปรานธรรมชาติใต้ร่มไม้ แม้จะเรียกว่าฝึก แต่ดูยังไงก็เหมือนการต่อสู้เสียมากกว่า
"ท่านพ่อโปรดยั้งมือ" เมื่อหลิ่งอี้ออกไปแล้วชางลี่จึงคำนับตัวให้ผู้เป็นพ่ออย่างนอบน้อม
"เป็นพ่อมากกว่านะที่ต้องพูด" ช่างล่างหัวเราะแล้วปลดพลังระดับจอมทัพขั้น3ออกมา
ไม่นานทั้งสองพ่อลูกก็เริ่มทำการต่อสู้กันโดยมี เฟยหรง หลิงเฟย ฉือเฉิง และมี่ถงนั่งชมอย่างสนุกสนาน
"ข้าว่าอีกเดียวท่านพ่อต้องขอยอมแพ้" ฉือเฉิงเอ่ย
"ข้าเห็นด้วย" เฟยหรงหัวเราะแล้วชมการต่อสู้ตรงหน้าต่อ
ภาพตรงหน้าคือชางลี่วาดฝ่ามือแล้วกระแทกลมปรานใส่ผู้เป็นพ่อ แต่ช่างล่างใช้เกราะปรานต้านไว้ได้จากนั้นก็กระโจนใส่บุตรชาย ทั้งสองต่อสู้กันนานกว่าปกติเล็กน้อยผ่านไปเกือบ2เค่อ ช่างล่างจึงเป็นฝ่ายขอพัก
"ข้าตามเจ้าไม่ทันเลย" ช่างล่างเอ่ยพลางนั่งหอบบนลานประลอง
"ท่านพ่อเองก็พัฒนาขึ้นมากเลยขอรับ" ชางลี่เอ่ยชมแล้วเช็ดเหงื่อ แม้ระดับจะต่างกันมาก แต่ช่างล่างเองก็เคยมีวรยุทธและกระบวนท่าระดับสูงติดตัวมาก่อนจึงทำให้ชางลี่สู้ลำบากไม่น้อย
"ฮ่าฮ่า ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้หรอก" ช่างล่างหัวเราะ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ลงมาจากลานประลองแล้วเดินไปหาครอบครัวของตนเองที่นั่งประจำที่โต๊ะอาหาร ทำให้ทั้งสองรู้สึกน้อยใจเล็กๆ
"น้องรักใยไม่เรียกพวกเรากินด้วยเล่า" ช่างล่างเอ่ยกับผู้เป็นภรรยาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
"ก็พวกท่านสู้กันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักนี่เจ้าคะ" หลิงเฟยเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ
"ตอนนี้อย่าพึ่งงอนกันเลยเจ้าค่ะ กินอาหารตรงหน้าเสียก่อนเดี๋ยวจะเย็นชืดซ่ะหมด" เฟยหรงส่ายศีรษะให้พ่อแม่ของตนเองยิ้มๆ จากนั้นทุกคนก็นั่งกินอาหารในส่วนของตนเอง
"วันนี้เจ้าทำอาหารได้อร่อยมากเลยมี่ถง แม้บางอย่างจะดูแปลกตาไปบ้างก็ตาม" หลิงเฟยเอ่ยชมสาวใช้ของบุตรสาว
"วันนี้บ่าวเป็นเพียงลูกมือเจ้าค่ะ คนทำจริงๆคือคุณหนูต่างหาก" มี่ถงเอ่ยทำให้ทุกคนเบิกตากว้างเพราะไม่นึกว่าเฟยหรงจะทำอาหารได้อร่อยแบบนี้
"จริงหรือน้องสาม" ฉือเฉิงเอ่ยถาม
"จริงเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่า ดูพวกท่านทำหน้าเข้า" เฟยหรงเมื่อเห็นทุกคนมองด้วยความไม่เชื่อก็หัวเราะร่า
"เจ้าเนี่ยทำให้ข้าเป็นใจได้อยู่เรื่อยเลย" ฉือเฉิงส่ายหน้ายิ้มๆ
จากนั้นทุกคนก็ทานอาหารตรงหน้าจนหมด และตามด้วยผลไม้จากทวีปทางตะวันออกที่เฟยหรงใช้เส้นสายบางอย่างให้ได้มาในปริมาณที่ถูกกว่าในท้องตลาดมาก
"พี่สาม ข้าอยากกินชานมไข่มุก" หลิ่งอี้กระตุกชายเสื้อเฟยหรงเบาๆ
"ได้สิ มี่ถง เจ้าช่วยเอาชานมไข่มุกออกมาให้ทุกคนหน่อย" เฟยหรงเอ่ย มี่ถงจึงหยิบแก้วน้ำ โหลดใส่ไข่มุกและเหยือกชาที่ยังคงความเย็นไว้ในมิติออกมาให้ทุกคน
"ข้าดื่มเจ้าสิ่งนี้ทีไรก็ยังรู้สึกทึ่งในความอัจฉริยะของเจ้าไม่หาย ที่สามารถคิดค้นเครื่องดื่มที่อร่อยเช่นนี้ได้" ฉือเฉิงเอ่ย ทุกคนเองก็เห็นด้วย
"ถ้าพวกท่านชอบ ข้าจะทำให้กินไปตลอดชีวิตเลยก็ย่อมได้เจ้าค่ะ" เฟยหรงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ทำให้ทุกคนหัวใจพองโตและเอ็นดูในความน่ารักของคนตรงหน้า...แม้หลายเดือนนี้จะรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของเฟยหรงในมิติไปมากก็ตาม
"จริงสิ เทียนหลงกับจิ้นฝานคนติดตามของเจ้าไปไหนเสียแล้วละ หลายเดือนมานี้ข้าไม่เห็นพวกเขาเลย" ชางลี่เอ่ยถาม
"จิ้นฝานข้าให้ไปทำงานบางอย่างเจ้าค่ะ ส่วนเทียนหลง...อืม เอาเป็นว่ายังอยู่ที่จวนก็แล้วกัน" เฟยหรงยิ้มแห้ง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แม้เทียนหลงจะเป็นอสูรรับใช้ แต่เมื่อไม่มีงานให้ทำเจ้าตัวก็เอาแต่นั่งๆนอนๆในจวนทั้งวัน ไม่ก็ออกไปเที่ยวเสเพลบ้างตามประสาผู้ชาย บางครั้งก็จะมาชวนเฟยหรงบ้าง...*รู้สึกว่าเจ้าตัวจะไม่คิดว่าข้าเป็นผู้หญิงสักนิดด้วย...*คิดแล้วก็ได้ถอนหายใจเบาๆ
"งั้นหรือ" ชางลี่เลิกคิ้วนิดๆ
"นี่คงใกล้เวลาเปิดร้านแล้วข้าขอออกไปข้างนอกก่อนนะเจ้าคะ" เฟยหรงเอ่ยขออนุญาต
"ไปเถอะ" หลิงเฟยพยักหน้า
"เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้พี่ช่วยจริงๆ" ฉือเฉิงเอ่ยถาม
"แน่ใจสิเจ้าคะ ท่านพี่เองก็มีงานในวังหลวงอยู่แล้ว...ส่วนร้าน...ข้าจะฮุบกิจการร้านโอสถเป็นคนตัวเองคนเดียว" ได้ยินดังนั้นฉือเฉิงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"เจ้าเนี่ยน้า" ฉือเฉิงเอื้อมมือไปโยกศีรษะเฟยหรงไปมา
"อ้อ ส่วนมี่ถงเจ้าอยู่ดูแลพวกท่านพ่อท่านแม่ไปนะ ข้าจะออกไปคนเดียว" ได้ยินดังนั้นมี่ถงจึงโค้งตัวรับคำสั่ง
"เจ้าค่ะ"
"เฟยหรง ให้ข้าไปด้วยสินะๆๆๆ" เสียงเยี่ยนฉือดังมาจากทางด้านหลังเฟยหรง
"หืม? เจ้าอยากออกไปข้างนอกกับข้าด้วยหรือ" เฟยหรงเลิกคิ้วเล็กน้อย เยี่ยนฉือจึงพยักหน้าเบาๆ
"อืม" มันครางในลำคอ เฟยหรงจึงเอามือแตะริมฝีปากเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วใช้ความคิด
"เจ้าแปลงกายเป็นอะไรที่ไม่สะดุดตาผู้คนได้หรือไม่ ร่างนี้มันออกจะ..." ไม่ทันที่เฟยหรงพูดจบ พยัคฆ์ตัวโตตรงหน้าก็กลายเป็นลูกแมวน้อยขนสีส้มอ่อนไปแล้ว
"ดีดี ข้าชอบร่างนี้" เฟยหรงยิ้มร่าแล้วอุ้มอสูรพยัคฆ์เพลงโลกันตร์ในคราบลูกแมวขึ้นมาอุ้มไว้
"ข้าไปด้วย!" จิวหูวิ่งตรงมาจากภูเขาน้ำแข็งทันที ในตอนแรกนั้นมันเพียงใช้ลมปรานฟังเสียงทุกอย่างในมิติเพื่อที่จะฟังการพูดคุยของทุกคนเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินว่าเยี่ยนฉือจะออกมาด้านนอกกับเฟยหรงก็รีบพาร่างอุ้ยอ้ายของมันออกมาทันที
"เฮ้อ เจ้าก็จะออกไปด้วยหรือ" เฟยหรงถอนหายใจเบาๆ จิวหูจึงมีสีหน้าสลดทันที
"มะ ไม่ได้เหรอ" จิวหูเอ่ยเสียงเศร้าแล้วช้อนตามองเฟยหรง...
ให้ตายสิเอาอีกแล้ว
...
"เอาละๆ พอแล้ว ข้ายังไม่ได้บอกว่าไม่ให้ไปสักหน่อย" เฟยหรงเอ่ย..เธอแพ้ทางสายตาอ้อนๆแบบนี้ทุกทีสิน่า
"ฮ่าๆ น้องสาม เจ้าก็ชอบใจอ่านให้เจ้าหมีอ้วนอยู่เรื่อย" ฉือเฉิงหัวเราะออกมา
"ข้าเปล่าอ้วนนะ! ขนข้าหนาต่างหาก!" จิวหูเถียง แล้วคำรามใส่ หากเป็นคนอื่นคงกลัวจนหัวหด แต่เพราะทุกคนรู้ดีว่าเจ้าหมีอ้วนตรงหน้านี่แค่ขู่เท่านั้นจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
"ได้! ไม่อ้วนก็ไม่อ้วน" ฉือเฉิงหัวเราะ
"หึ่ย" จิวหูสะบัดหน้าหนี
"ท่านพี่ก็อย่าไปแกล้งจิวหูนักสิเจ้าคะ" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เธอเองก็แอบขำในใจไม่น้อย
"เอาละ ในเมื่อเจ้าอยากออกไปด้วยก็แปลงกายเป็นอะไรที่ไม่สะดุดตาแบบเยี่ยนฉือสิ ข้าจะได้อุ้มได้สะดวกๆ" เฟยหรงว่า
"อื้อ" จิวหูพยักหน้าแล้วแปลงกายเป็นอสูรหมีที่ตัวเล็กกว่าเดิมทำให้เฟยหรงคิดถึงตอนที่เธอเก็บมันมาเลี้ยง
"อื้อ แบบนี้แหละเหมาะมือเลย พวกเจ้าอย่าลืมปกปิดพลังด้วยล่ะเอาให้อยู่ในระดับผู้ฝึกปรานก็พอ" เฟยหรงยิ้มแล้วอุ้มจิวหูขึ้นมา จากนั้นทั้งสองจึงต้องใจสะกดพลังตัวเองไว้ให้เหลือเพียงผู้ฝึกปรานธรรมดา
"ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ" เฟยหรงหันไปบอกทุกคนอีกครั้งจากนั้นก็หายตัวออกไปจากมิติทันที
ด้านนอก
เฟยหรงออกมาจากมิติแล้วมาปรากฎอยู่ในห้องของตัวเอง เธอเดินออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปร้านโอสถ เฟยหรงเห็นผู้คนจำนวนมากยืนรอร้านเปิดอยู่ด้านหน้าเฟยหรงจึงคลี่ยิ้มออกมา
"อ่าว นั้นมันแม่นางเว่ยนี่" ชาวบ้านคนหนึ่งชี้มาทางเธอ
"ใช่จริงๆด้วย"
"นั้นนางอุ้มอะไรอยู่นะ"
"ตายแล้วแมวน้อยน่ารักจังเลย"
"นั้นลูกหมีใช่หรือไม่ ดูสายตาของมันสิข้าตกหลุมรักมันเสียแล้ว"
"เอ๊ะเดี๋ยวนะ สัตว์พวกนั้นมีปรานด้วย! แสดงว่านั้นคือลูกสัตว์อสูรงั้นหรือ"
ได้ยินดังนั้นชาวบ้านก็เงยหน้ามองเฟยหรงด้วยสายตาหลากหลาย ทั้งยังคิดไปต่างๆนาๆว่านางจะเอามาเลี้ยงหรือฝึกพวกมันให้รับใช้ตนเองเป็นแน่ เป็นผู้ใช้สัตว์อสูรไม่พอ หรือนางอยากเลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาสัตว์อสูร?...
น่ากลัว
... เมื่อมาถึงตรงนี้ในความคิดของทุกคนก็แทบจะเหมือนกัน เพราะในอาณาจักรมังกรไร้ผ่ายนั้นมีผู้ที่สามารถเป็นผู้บัญชาสัตว์อสูรเพียง2คนเท่านั้น นั้นก็คือจักรพรรดิองค์ก่อนและจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
เฟยหรงไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนเท่าไหร่นั้น เธอเพียงเดินไปเปิดประตูร้านแล้วเข้าไปด้านในเท่านั้น เมื่อเข้ามาแล้วเธอก็พบว่าพนักงานทั้ง9คนกำลังยืนคุยกันอยู่ เมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นเฟยหรงก็รีบโค้งตัวคารวะทันที
"คารวะคุณหนู"
"อืม" เฟยหรงพยักหน้าเบาๆ
"ข้าขึ้นไปด้านบนก่อนนะ มีอะไรก็ขึ้นมาเรียกข้าละ" เฟยหรงเอ่ย
"ขอรับ" ทุกคนตอบรับพร้อมกันแล้วเหลือบมองเจ้าก้อนขนสองตัวที่เฟยหรงอุ้มอยู่เล็กน้อย
"อ้อ วันนี้เงินเดือนพวกเจ้าออกนี่นะ" เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็มีสีหน้าดีใจทันที เพราะเฟยหรงจะให้เงินค่าจ้างเป็นรายเดือน เมื่อเดือนที่แล้วพวกเขาได้รับเงินเดือนคนละ100เหรียญทอง ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยได้จับเงินตั้ง100เหรียญทองเลยสักครั้ง อย่างมากสุดก็แค่20-30เหรียญทอง ทำให้ชายหนุ่มทั้ง9รู้สึกยินดีและเคารพเฟยหรงยิ่งกว่าเดิม
"งั้นหลังจากวันนี้2วันพวกเจ้าก็หยุดพักสักหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวพวกเจ้าก็เอาป้ายไปแขวนไว้ด้วยนะว่าจะหยุดร้าน2วัน" ได้ยินดังนั้นทุกคนก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจทันที
"จริงหรือขอรับ" จินไห่เอ่ยถาม
"จริงสิ เจ้าจะได้กลับไปหาพวกน้องๆด้วย" เฟยหรงคลี่ยิ้ม ทำให้จินไห่รู้สึกตื้นตันอย่างยิ่งที่เฟยหรงยังจำได้ว่าตนเองมีน้องๆที่อยู่ต่างเมือง
"หากพวกเจ้าคนใดมีครอบครัวที่ต้องการยาหรือป่วยเป็นอะไรก็บอก ข้าจะได้ปรุงยาเป็นของฝากไปให้" เฟยหรงเอ่ยเสร็จก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที
"ข้าช่างโชคดี" จินไห่เอ่ยพลางซับน้ำตา
"ไม่มีเจ้านายที่ไหนใจดีแบบเจ้านายของข้าอีกแล้ว" ต้าห่ายเอ่ย
"เจ้านายของเจ้าที่ไหน เจ้านายของพวกเราต่างหาก" เฟิงอิ่งเอ่ย ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
วันนี้เฟยหรงไม่ได้เข้าไปทำงานในชั้น3แต่อย่างใด เธอกลับขึ้นมาอีกชั้นเพื่อรับลมและให้เจ้าสองตัวในอ้อมแขนได้ชมวิวในเมือง เมื่อเฟยหรงปล่อยให้จิวหูและเยี่ยนฉือได้ชมวิวเธอก็เดินมานั่งที่ระเบียงมองออกไปในเมืองหลวง โคมไฟสีแดงถูกแขวนไว้ตามมุมถนนร้านรวงต่างๆก็เริ่มออกมาตั้งของขายขับให้บรรยากาศดูสนุกสนานรื่นเริงขึ้น ดูเหมือนวันนี้จะมีงานเทศกาลอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับความเชื่อในอาณาจักร
"เฟยหรง เหตุใดตรงนั้นจึงดูแตกต่างจากตรงนี้" จิวหูเอ่ยถามแล้วมองตรงเข้าไปในตัวเมือง
"หืม? อ้อ วันนี้มีงานเทศกาลผู้คนจึงออกมาตกแต่งบ้านเรือนและนำของออกมาขายน่ะ" เธออธิบาย
"ไปเที่ยวได้ไหม" จิวหูเอียงคอถาม
"ได้สิ ข้าจะพาไป" เฟยหรงพยักหน้า
"ข้าอยากกินของอร่อยๆ!" เยี่ยนฉือเอ่ยพร้อมกระโดดขึ้นมาบนตักเฟยหรง
"ได้ ข้าจะพาไปกิน งั้น...พาซูมี่ไปด้วยดีกว่า" เฟยหรงเอ่ยแล้วเรียกวิหคสายฟ้าของเธอออกมาจากมิติ ด้วยระดับพลังและความกดดันของซูมี่ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนทำให้ชาวบ้านด้านล่างหวาดกลัวแล้วมองขึ้นมายังชั้นบนสุดของร้านโอสถ
"มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ" ซูมี่เอ่ย
"ข้าว่าจะพาจิวหูและเยี่ยนฉือไปเที่ยวงานเทศกาลในเมือง เจ้าอยากไปด้วยรึเปล่า" ได้ยังดังนั้นซูมี่ก็ตาเป็นประกายทันที
"ไปเจ้าค่ะ!" ซูมี่เอ่ยขึ้นทันที
"งั้นเจ้าก็แปลงกายเป็นอะไรที่ไม่สะดุดตาเถอะ อย่าลืมปกปิดระดับพลังด้วยล่ะ เอาให้เท่ากับเจ้าสองตัวนี้ก็แล้วกัน" เฟยหรงเอ่ย วิหคสายฟ้าตรงหน้าจึงกลายร่างเป็นวิหคสายฟ้าขนาดฝ่ามือทันที
"เป็นไงเจ้าคะ แบบนี้ได้หรือไม่" ซูมี่บินมาเกาไหล่เฟยหรงแล้วคลอเคลียใกล้ๆหน้าของเฟยหรง
"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน" เฟยหรงหรงหัวเราะ
จากนั้นหนึ่งคนกับอีก3ตัวก็เล่นกับเฟยหรงสักพัก เมื่อเธอเล่นจนพอใจแล้วก็กลับลงมาชั้น3เพื่อทำงานของตนเอง
เวลาล่วงเลยจนใกล้ปิดร้าน เฟยหรงที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองสัตว์อสูรสามตัวที่นอนอยู่บนเก้าอี้หนังรับแขกในห้องยิ้มๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามาได้" เฟยหรงเอ่ยอนุญาต ไม่นานพนักงานทั้ง9คนก็เดินเข้ามา
"วันนี้ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง"
"ดีขอรับ มีลูกค้าคนหนึ่งกว้านซื้อของในร้านทั้งชั้น1และชั้น2ไปหลายสิบอย่างเลยขอรับ" เฟิงอิ่งเอ่ย
"หืม? ดูเหมือนเขาจะมีเงินเยอะใช่ย่อยนะ หากคราวหน้าคนผู้นั้นมาอีกละก็เจ้าช่วยไปเรียกข้าด้วยล่ะ อยากจะดูหน้าคร่าตาเสียหน่อย" เฟยหรงเอ่ย เฟิงอิ่งจึงพยักหน้าเบาๆ
"แล้วมีอะไรอีกหรือไม่"
"ไม่มีแล้วขอรับ" หยางเจียเอ่ย
"ไหน ขอข้าดูหน่อยว่าวันนี้ได้ขายได้เท่าไหร่" พูดจบ ทั้งหมดจึงเอาเงินออกมากองไว้ตรงหน้า แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
"อืม อืม ใช้ได้...634,950เหรียญทองและ10,400เหรียญเงิน" เฟยหรงส่งลมปรานไปตรวจสอบจำนวนเงินก็มีสีหน้าพึงพอใจ เสร็จแล้วก็สะบัดมือนำเงินพวกนั้นเข้าไปในแหวนมิติ
"นี่ค่าจ้างของพวกเจ้า เนื่องในวันนี้เป็นวันเทศกาลข้าจึงเพิ่มเงินให้พวกเจ้าคนละ20เหรียญทอง" เฟยหรงนำถุงเงินออกมาแล้ววางไว้บนมือแต่ละคน
"ขอคุณขอรับ!" ทั้งหมดโค้งตัวขอบคุณเฟยหรงทันที แล้วยกยิ้มอย่างตื่นเต้น แม้จำนวนจะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาของที่ขายได้ แต่มันก็เยอะพอแล้วสำหรับพวกเขา เงินทั้งหมดนี่สามารถให้ครอบครัวของพวกเขาอยู่ได้ครึ่งปีเชียว
"แล้วนี่มีใครต้องการยาอะไรบ้างละ ข้าจะได้ปรุงให้ หรือถ้าพวกเจ้าไม่รู้ว่าครอบครัวเป็นโรคอะไรก็บอกมา ข้าพอจะสามารถวิเคราะห์ได้บ้าง" เฟยหรงเอ่ย
จากนั้นทุกคนก็พูดชื่อและชนิดของยาออกมา เฟยหรงเองก็รับฟังทีละคนซักถามบ้างบางครั้งแล้วนำเตาหลอมออกมาหลอมยาต่างๆ เมื่อหลอมเสร็จก็ส่งให้แต่ละคน พวกเขาเองก็รับไปด้วยความยินดี
"เอาละ ในเมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว พวกเจ้าก็กลับบ้านไปเถิด ครอบครัวของพวกเจ้ารออยู่...หากไม่แล้วก็มาเดินเที่ยวงานเทศกาลกับข้าได้ ข้าต้องการคนอุ้มเจ้าสามตัวนั้นพอดี" เฟยหรงชี้ไปที่สัตว์อสูรตัวเล็กทั้งสามบนเก้าอีก
"ข้าขอรับ" กุ้ยจือก้าวออกมาเป็นคนแรก
"ข้าด้วย" ต้าห่ายก้าวออกมาเป็นคนที่สอง
"พวกข้าด้วย" หลี่จงและหลี่อี้เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"มีแค่พวกเจ้าสี่คนใช่ไหม" เฟยหรงถาม เมื่อไม่มีใครอีกเธอก็ไล่ให้คนที่เหลือกลับไป จากนั้นเฟยหรงก็เดินไปปลุกเจ้าสามตัวบนเก้าอี้หนัง
"เยี่ยนฉือ จิวหู ซูมี่ ตื่นได้แล้ว ไปเที่ยวกัน" ในคราแรกนั้นพวกมันดูจะงอแงไม่น้อย แต่เมื่อได้ยินคำว่า เที่ยว ก็สะดุ้งตื่นไปตามๆกัน
"เย้ๆ! ไปเที่ยว ไปเที่ยว" จิวหูกระโดดกอดเฟยหรงเป็นตัวแรกจากนั้นก็ตามด้วยเยี่ยนฉือและซูมี่
"สัตว์อสูรพูดได้!!" กุ้ยจือหน้าซีดเผือก ไม่ใช่แค่เข้าเท่านั้น คนทั้งสี่ต่างก็หน้าซีดไปเหมือนกัน
"ไอหยา" เฟยหรงอุทานขึ้นเพราะลืมไปว่าสัตว์อสูรที่ไม่สามารถก้าวสู่ระดับราชันย์จะไม่สามารถพูดได้ แต่เจ้าจิวหูดันพูดได้ซ่ะนี่
"คุณหนู นั้นหรือว่า" หลี่จงชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่สัตว์อสูรทั้งสามตัว
"อ่า ข้าขอแนะนำ นี่เยี่ยนฉือ จิวหู และซูมี่พวกเจ้าเองก็เคยเจอซูมี่แล้วคราวก่อน...วิหคสายฟ้าน่ะ" เฟยหรงเอ่ย ทำให้ทุกคนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม เพราะยังจำความน่ากลัวของวิหคสายฟ้าตนนั้นได้ดี
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พวกเจ้าเองก็คงจะดูออกถึงระดับพลังของสามตัวนี่ ข้าก็จะไม่ปิดบังเรื่องนี้แล้วกัน เจ้าพวกนี้เป็นสัตว์อสูรของข้า" ได้ยินดังนั้นทุกคนก็แทบอยากจะกระอักเลือดตายเสียให้ได้ ที่รับรู้ว่าเด็กสาวที่อายุไม่เกิน20ตรงหน้าเป็นถึงผู้บัญชาสัตว์อสูร
"พวกเจ้าก็ทำความคุ้นเคยกับพวกเข้าไว้ด้วยล่ะ" เฟยหรงหันไปกำชับสัตว์อสูรในอ้อมแขน
"ข้าเองก็ฝากพวกเจ้าดูแลมันด้วยแล้วกัน กุ้ยจือเจ้ารับหน้าที่ดูแลซูมี่ ต้าห่ายเจ้ารับหน้าที่ดูแลเยี่ยนฉือ ส่วนหลี่จงหลี่อี้รับหน้าที่ดูแลจิวหู" เฟยหรงเอ่ยแล้วนำสัตว์อสูรแต่ละตัวไปให้พวกเขาอุ้ม
"ไปกันเถอะ" จากนั้นเฟยหรงก็เดินนำหน้าคนทั้ง3ออกไป
========================
เฟยหรงมาแล้วค่า ตอนนี้จะเรื่อยๆหน่อยนะคะ เอาเจ้า3ตัวออกมาให้ทุกคนได้พบปะบ้าง5555 ส่วนเทียนหลงอะเหรอ? นอนเหงาอยู่ในจวนไปนั้นแหละ! ฮ่าฮ่าฮ่า