11
วาเลอรีเงียบตลอดทางที่เดินตามชายหนุ่มเข้าไปยังทางเข้าฐานที่ 22 หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยอารมณ์สับสนว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความหลอกลวง หากเธอก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพียงแค่เย้ยหยันตัวเองไม่น้อยที่ร้องให้เขาทั้งที่เวสต์ก็ไม่ได้ดีอะไรด้วย เพียงเพราะความผูกพันเก่า ๆ เท่านั้นที่ทำให้ทุกการกระทำของเขาช่างส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมากมาย
แต่ทางเข้าซึ่งมืดสนิท ไร้คนเฝ้าทั้งที่มีป้อมยามทำให้เธอตัดสินใจถามออกไป
“ไม่มีใครอยู่เหรอ”
เขาหันกลับมา อาจจะเป็นครั้งแรกที่พิจารณาใบหน้าวาเลอรีชัด ๆ หลังจากดึงเอาผ้าคลุมออก แก้มยังคงมีร่องรอยน้ำตา มุมปากแตก อาจจะเพราะวิ่งชนอะไรสักอย่าง เวสต์หรี่ตาแล้วหันกลับไป
ที่ไม่ตอบเพราะเขาเองก็แปลกใจในข้อเท็จจริงที่ตนประสบเช่นกัน
เขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อดึงเอาโทรศัพท์ออกมาดู ที่นี่ไม่มีสัญญาณ แม้ตนจะวางแผนทุกอย่างไว้กับสเปนเซอร์และซิกมุนด์อย่างรัดกุมที่สุดแล้ว หากการติดต่อกันไม่ได้ก็ไม่ช่วยอะไร
ชายหนุ่มรู้ว่าต้องไปหาทางติดต่อทีมจากในฐานนั้น
แม้ตั้งใจจะค้างที่ฐานต่างเขตหลายวัน เพราะเขารู้ว่าวาเลอรีจะต้องคิดว่าฐาน 28 ที่พวกเขาประจำถูกถล่ม ในเมื่อเขาป้อนคำพูดทุกอย่างให้คาลัวห์เล่นตามบทเอง แต่เขาไม่รู้มาก่อนว่าฐาน 22 ร้างไปแล้ว
มันประหลาดเกินไปที่ซาเวียร์จะไม่บอกพวกเขา แปลว่าซาเวียร์ไม่รู้งั้นหรือ?
ชายหนุ่มคิดว่านั่นเป็นไปไม่ได้ ซาเวียร์ดูแลฐานปฏิบัติการแถบเหนือตั้งแต่ 20-30 ทั้งหมดเอง และฐาน 28 ที่ทั้งสามคนประจำอยู่ก็เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นคงที่สุด พวกเขาจะต้องถูกเรียกให้ออกมารบแล้วถ้ามีฐานในความดูแลของซาเวียร์ถูกบุกรุก
อัลดริกแตะบัตรของตนเปิดทางเข้าที่เครื่อง เขาไม่เห็นแสงไฟใด ๆ ออกมาจากอาคาร แต่เครื่องยังใช้งานได้และมีการจ่ายกระแสไฟ ยิ่งก้าวเข้าไปยิ่งแน่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดในตอนแรก ...ฐาน 22 ไม่ได้ถูกบุกรุก หากคล้ายกลับถูกปลดระวางการใช้งาน
ทั้งที่อุปกรณ์ยังใหม่อยู่ขนาดนี้น่ะหรือ?
แล้วทำไมไม่ตัดกระแสไฟ?
วาเลอรีกอดอกด้วยความหนาว เธอยังมีเพียงชุดเดิมที่บางจนแทบจะเหมือนเดินเปลือยกาย แต่เธอก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากเวสต์ เธอจึงก้าวตามเขาต่อไปเรื่อย ๆ พอเห็นว่าเขาเปิดไฟฉายเล็กที่ติดอาวุธอยู่ หญิงสาวถอนหายใจออกมา เพียงเพื่อต้องการจะข่มความกลัวของตน
“นายกลับฐานเดิมไม่ได้ เพราะที่นั่นถูกถล่มใช่ไหม?”
ชายหนุ่มเพียงคิดว่าคำพูดของเธอแปลได้ว่าเธอเชื่อในสิ่งที่คาลัวห์บอก แต่ไม่ยอมตอบอะไรจนเกือบจะทำให้วาเลอรีหวั่นใจว่าเธอคุยกับผีอยู่ หากพอเดินเข้าไปถึงเขตห้องรับรอง อัลดริกก็หันมาสั่งเสียงแข็ง“ยืนอยู่นี่”
วาเลอรีปล่อยให้เวสต์เดินจากเธอไปอีกทางหลังจากทั้งคู่เข้ามาในตัวอาคารได้ แล้วไฟก็ทยอยสว่างขึ้นมา เธอจึงมองเห็นทุกอย่างได้ถนัดตา สภาพเรียบร้อยของฐานทัพเดอวารุสทำให้วาเลอรีหวนคิดถึงแม่ เธออยากให้แม่มาอยู่ในที่ปลอดภัยแบบนี้
“เวสต์...” คราวนี้เธอตัดสินใจเรียกเมื่อชายหนุ่มเดินกลับมา เขาเลิกคิ้ว มองสีหน้ากังวลของเธอด้วยความประหลาดใจ
อันที่จริงเขาประหลาดใจตั้งแต่ที่เธอไม่พูดอะไรมากอย่างที่เขาคาดไว้ตอนเจอเขาแล้ว
“ฉันเจอแม่ของฉันที่คฤหาสน์นั่น...”
ชายหนุ่มกระพริบตา
“แม่ของเธอ?”
“ลอรีน่า เรย์” เธอตอบ “แม่ของฉัน”
เวสต์เม้มปาก คำพูดของเธอยังไม่อาจจะตีความได้ง่ายนักว่ามันเป็นจริงได้อย่างไร จึงปล่อยให้เธอเอ่ยต่อไป
“เธอจำฉันได้ เวสต์ ...เธอเรียกชื่อจริงของฉัน เธอเรียกฉันว่าวาเลอรี และเธอก็บอกว่าน้องสาวของฉัน วาเนสซ่า ยังชีวิตอยู่”
“อย่าไปหลงกลพวกเพอราซ”
“ไม่ ฉันไม่ได้หลงกล” เธอเริ่มเสียงสั่น “ฉันรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในหัวของฉันเป็นความจริง ฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันคือใคร ฉันเคยเรียนที่ไหน และฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นายบอกว่าฉันเป็น!”
“ฉันไม่มีเวลาฟังเธอเพ้อเจ้อ”
“ฉันไม่ได้...” วาเลอรีอยากจะเถียง หากสุดท้ายเธอก็เลือกจะเงียบเมื่อสบตาอีกฝ่าย หญิงสาวเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างหมดแรง เธอตัดสินใจทรุดลงนั่งที่พื้น
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย”
“ลุกขึ้นมา เธอต้องไปนอน”
วาเลอรีถอนหายใจช้า ๆ รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเชื่อตน หากเธอก็ไม่อาจห้ามตัวเองทันไม่ให้บอกเขาในความจริงที่เธอค้นพบ เธอลุกจากพื้น เดินคอตกตามร่างสูงของอีกฝ่ายตรงไปยังลิฟต์
เรื่องมันลงเอยคล้ายเดิมอีกคราว
เธอยังคงต้องเป็นเบี้ยล่างที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียงเสมอ
มีหลายคำถามที่จะถามเวสต์ เธอนึกออกได้เยอะขึ้นเหลือเกินตอนที่ลิฟต์เคลื่อนตัว หากรู้ว่าถามไปก็เหมือนถามอากาศ หรือไม่ก็ถามไฟ มีเพียงเธอที่จะมอดไหม้เพราะการกระทำตนเอง เพราะเขาจะมองว่าเธอต่อต้านเขา และเขาก็จะทำร้ายเธออีก
น้ำตาไหลออกมา วาเลอรีไม่ได้ใส่ใจจะเช็ด เวสต์ซึ่งมองใบหน้าอีกฝ่ายผ่านประตูที่มีเงาสะท้อนอยู่รู้สึกแปลก ๆ กับภาพดังกล่าว เขามองร่างซึ่งใส่เสื้อผ้าอย่างหญิงบริการ ...เห็นรอยช้ำและแผลเก่าซึ่งอาจจะเกิดจากตอนที่เธออยู่กับเขา กับรอยใหม่จากผู้ชายคนอื่น
ทำไมเขายอมปล่อยให้เธอไปเผชิญอันตรายในที่เปิดแบบนั้น?
คำถามเกิดขึ้นทั้งที่รู้ดี ...เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีความหมายใด เธอเคยขายร่างกาย และที่ทำงานอย่างนั้นย่อมจะเป็นที่คุ้นชิน ชายหนุ่มจึงวางแผนจะควบคุมจิตใจอีกฝ่ายด้วยการส่งเธอให้ไปเผชิญอันตรายในเขตที่หน่วยของตนกำลังจะเผด็จศึก
เขาวางแผนนั้นอย่างรัดกุมที่สุด ฉวยโอกาสในช่วงที่ซาเวียร์ไม่อยู่แอบส่งวาเลอรีซึ่งเป็นทรัพย์สินของทีมไปให้คาลัวห์ พ่อค้ามืดที่เขาไว้ใจให้พาเธอไปขายกับคนที่ต้องการ
ประหลาดที่เธอเป็นที่ต้องการมากกว่าที่เขาจะคาดไว้ในหมู่นักรบอาเคน
ลารีน... นั่นคือชื่อเก่าของหญิงบริการที่เขาไม่เคยได้รู้ก่อนที่หญิงสาวจะดื่มยาเปลี่ยนตัวตน เธอรับใช้พวกกบฏเพอราซและชาวอาเคนที่ทำธุรกิจมืดอยู่ในเขตป่าตอนเหนือพรมแดนแห่งนี้ และชายที่เพิ่งจะเป็นใหญ่แทนได้ไม่นานอย่าง อาริล ก็ประมูลได้เธอไป
ก่อนจะส่งไปหา เขาจัดการซื้อเหล่ามือปืนรับจ้างให้คอยจับตาเธอ พาเธอหนีเมื่อทหารเดอวารุสบุก แต่เขาไม่อาจจะเดาได้หมดว่าวาเลอรีจะใช้ปืนข่มขู่อาริล และไม่รู้ว่ามีทหารกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปถึงส่วนที่เธออยู่โดยไม่ได้รับอนุญาต
เธอหนีหายไป มือปืนรับจ้างที่เขาลอบซื้อไว้ถูกฆ่าตายเกือบหมด มีเพียงคนเดียวที่เห็นว่าวาเลอรีหนีไปกับหญิงอีกคนในทางครัว การรายงานนั้นทำให้เวสต์ดูแผนที่ เขาดักเธอที่ทางออกซึ่งน่าจะเป็นไปได้
แต่เขาพบเพียงแค่วาเลอรี
นั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดเรื่องแม่ที่เธอกล่าว ...เธอพูดความจริงหรือเธอถูกหลอก?
ลิฟต์เปิดออก ชั้นสามของฐานแห่งนี้มีระเบียบเรียบร้อยหากไร้ร่องรอยของผู้อยู่อาศัย นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกไปกันใหญ่เพราะมันดูคล้ายว่ามีคนจงใจรอให้เขามาเจอ
อันที่จริงเขารู้สึกแปลกกับทุกอย่างตั้งแต่ออกจากฐาน 28 มา
วาเลอรียังคงนิ่ง เธอไม่ยอมมองหน้าเวสต์อีก เพียงแค่ไปยืนหลบมุมอยู่ใกล้ ๆ โซฟาในห้องนั่งเล่นของส่วนอยู่อาศัยนั้น มองสำรวจสถานที่เพียงชั่วครู่ หน้าตาของมันไม่ได้ต่างไปจากฐานที่เธอจากมาเท่าใดนัก มีห้องนั่งเล่นกว้าง ๆ ทางเดินเข้าครัว และทางขึ้นบันไดไปยังห้องนอน
เวสต์เดินขึ้นบันไดไปสำรวจสถานที่ เขาเปิดประตูห้อง มันไม่ได้ล็อค ชายหนุ่มจึงเลือกห้องแรกที่ตนเจอและเป็นห้องซึ่งใกล้บันไดที่สุดในการพักคืนนี้
เขากลับลงมา เดินตรงเข้าไปยังห้องครัว ในตู้เย็นมีอาหารแช่แข็งอยู่จำนวนหนึ่ง เวสต์ยิ่งประหลาดใจ
หากมือถือก็ยังคงไร้สัญญาณ
“ไปอาบน้ำแล้วนอนเถอะ” เขาบอกหญิงสาว แต่พอวาเลอรีเดินขึ้นบันไดไปด้วยท่าทางซึม เขาก็กังวลว่าเธอจะหาเรื่องทำร้ายตัวเองเข้าอีกหรือไม่
ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ๆ แล้ววิ่งตามขึ้นไป
เสียงฝีเท้าหนักของเวสต์ทำให้เธอหันกลับมา วาเลอรีเกือบจะถอดชุดออกอยู่แล้วจึงหยุดมือ หันกลับไปนั่งลงที่เตียงและก้มมองพื้นอย่างอ่อนล้า หากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่เวสต์ก็ไม่เดินหนี เขาเพียงแค่ยืนมองเธออยู่ที่เดิม วาเลอรีเลยเงยหน้าขึ้นถาม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
น้ำเสียงนี่อีกแล้ว... มันทำให้เขาได้แค่ขบกรามเพราะน้ำเสียงเบานั่นไม่อาจจะทำให้ชายหนุ่มกระชากเสียงกลับไปได้ตามที่อารมณ์สับสน เขามองใบหน้าเศร้าของอีกฝ่าย สุดท้ายก็ก้าวเข้าไปดึงแขนเธอให้ลุกแล้วลากไปที่ห้องน้ำ
“นายกลัวว่าฉันจะฆ่าตัวตายหรือไง” หญิงสาวหันมาถามเมื่อแทบจะล้มตอนเขาปล่อยมือออกจากแขนที่หน้าห้องอาบน้ำ มองสีหน้ารำคาญใจของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แค่เบือนหนี
“ขอโทษ”
“เลิกขอโทษฉันซะทีเรย์”
“ฉัน...”
“อาบน้ำ แล้วนอน”
ไม่ได้คัดค้าน หากเธอก็ไม่ได้กระตือรือร้นทำตามคำสั่ง วาเลอรีก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำทั้งที่ยังใส่ชุดนั้นอยู่ มองออกมาก็ยังเห็นเวสต์ยืนกอดอกทำหน้าเครียดจ้องเธอผ่านกระจก หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังดึงชุดออกจากตัว
หากพอหมุนก๊อกฝักบัว มันไม่มีน้ำไหลออกมา
วาเลอรีกระพริบตา หมุนกลับไปกลับมาหลายรอบ เวสต์ซึ่งยืนมองอยู่ก็ได้แค่แค่นหัวเราะ เขาก้าวไปเปิดน้ำที่อ่างแทน และมันไหลปกติ ...น้ำอุ่นค่อย ๆ ลอยขึ้นเป็นไอเมื่อเขาปรับอุณหภูมิ ชายหนุ่มเลยเปิดประตูและลากวาเลอรีออกมา
น้ำยังคงน้อยเกินไป เมื่อหญิงสาวถูกบังคับด้วยสายตาให้เดินไปลงอ่างอาบน้ำ วาเลอรีนั่งลงทั้งที่น้ำยังอยู่ระดับข้อเท้า ร่างของเธอเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา แสงไฟสว่างสะท้อนความจริงมากเกินไปจนต้องหลับตาหนี
แต่เธอเคยหนีพ้นหรือ?
“แล้วเป็นยังไง” เวสต์ถามขึ้น “พวกวัลเดนดูแลเธอดีกว่าฉันไหม”
วาเลอรีชะงักกับคำถามนั้น แม้จะรู้ว่าเขาจงใจเย้ยหยัน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะทำใจได้ไวนัก แม้เธอไม่ได้มีอะไรกับอาริล แต่วาเลอรีก็รู้ว่าถ้าเธอฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ เรื่องมันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น...
“นายต้องการอะไร”
“แค่อยากรู้”
“เปล่า นายแค่อยากทำร้ายฉัน”
เขาหัวเราะสั้น ๆ “งั้นเธอก็รู้นี่ว่าฉันต้องการอะไร”
วาเลอรีเงียบลง เธอก้มหน้าใส่เข่าด้วยความรู้สึกหดหู่ ภาพของผู้หญิงที่ถูกรุมย้อนกลับมา เธอสะอื้นสั้น ๆ และปล่อยมือลงไปในน้ำอุ่นเพียงเพื่อจะพยายามดึงตัวเองจากความทรงจำนั้น
“ฉันนึกว่านายตายแล้ว”
“หึ คงดีใจแย่”
เวสต์นั่งลงที่ข้างขอบอ่างอาบน้ำ มองเรือนผมสีดำยุ่งเหยิงของอีกฝ่าย มือของเขาคล้ายต้องการจะเอื้อมไปสัมผัสอย่างเคยชินทั้งที่เขาลูบผมเธอนับครั้งได้...
มันแปลก แต่เขาไม่อยากเดินจากไป
“เปล่า ถ้าฉันดีใจฉันคงไม่เป็นแบบนี้” วาเลอรีเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีหม่นสบกับเขาก่อนจะเบือนหนีอีกคราว “แต่มันสับสน เพราะฉันเสียใจ”
“ทั้งที่นายทำร้ายฉันซ้ำ ๆ บังคับฉันให้ทำในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ แต่ฉันก็ยังเสียใจที่... รู้ว่าฉันจะไม่มีทางได้เจอนายอีก”
“ฉันเป็นบ้าหรือเปล่า”
คำถามในตอนหลังราวกับจะก้องไปในห้องน้ำ ก่อนที่วาเลอรีจะสะดุ้งเมื่อมือของอีกฝ่ายเลื่อนลูบผมของเธอ เขาลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ อ่างอาบน้ำเหมือนคราวที่เขาเคยอาบน้ำให้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เธอเผลอสบในชั่วครู่เปลี่ยนไปจากเดิม...
มันทำให้เธอนึกถึงเวสต์คนนั้น
“ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้” วาเลอรีพึมพำ “ฉันจำไม่ได้ว่าฐานถูกถล่มตอนไหน หรือฉันถูกจับไปยังไง”
“เงียบ...” เขาเอ่ยค้านขึ้นเบา ๆ “ฉันบอกให้อาบน้ำ”
หากอยู่ ๆ เสียงซ่าก็ดังขึ้นมาจากห้องอาบน้ำที่วาเลอรีเปิดก๊อกเอาไว้ หญิงสาวเหลือบไปมองที่ห้องอาบน้ำนั้นแล้วหันมองที่อ่างซึ่งน้ำยังไม่ถึงครึ่งตัวด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นจากอ่าง ตรงไปยังห้องอาบน้ำ หากมือถูกอีกฝ่ายรั้งไว้
ทันทีที่เขาลุกขึ้น ร่างสูงนั้นราวกับต้องการจะข่มให้วาเลอรีอยู่ใต้โอวาทตลอดเวลาแม้ด้วยการกระทำง่าย ๆ นั่น เขาโอบเอวเธอเข้ามาหา จับคางเธอ พิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายราวกับไม่เคยทำมาก่อน
“มีอะไรเหรอ”
เวสต์ไม่ตอบ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนมือเปิดประตูห้องอาบน้ำออกกว้างกว่าเดิมแล้วดันเธอให้ก้าวถอยหลังเข้าไป
น้ำไหลลงมาอาบร่าง ความอุ่นของมันช่วยบรรความอ่อนล้าไปชั่วครู่ และชะล้างคราบเลือดคราบเขม่าจากสมรภูมิสั้น ๆ ที่หญิงสาววิ่งผ่าน วาเลอรียกมือปิดบังอกตัวเองด้วยความเคยชิน หากถูกเขาดึงมือเธอออก ก่อนริมฝีปากจะประทับลงที่หลังมือ เธอหายใจเข้าด้วยความสับสนกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ ก่อนเวสต์จะวางมือเธอลงที่อกของเขา
ไม่มีคำสั่งเอ่ยจากปาก มีเพียงแววตาที่บอกเธอได้ดีกว่าคำพูดในตอนนั้นว่าเธอต้องทำอะไร วาเลอรีเลื่อนมือไปยังซิปของเสื้อแจ็กเก็ตหนัง รูดมันลงและถอดออกจากตัวของเวสต์ แล้วมือเรียวก็จับอยู่ที่เสื้อยืด เธอลังเลและกระดากขึ้นมาจนเขาหัวเราะ จัดการถอดมันด้วยตัวเอง
น้ำเริ่มทำให้ร่างสูงเปียกไปอีกคน เวสต์จึงเสยผมที่ไม่ค่อยเป็นทรงขึ้นไปเพียงเพื่อมองหน้าเธอได้ชัดขึ้นขณะก้าวเข้าไปหาจนวาเลอรีแทบจะถอยหลังชิดผนัง
“มันทำอะไรเธอไหม”
วาเลอรีเลิกคิ้วในตอนแรก พอแปลความหมายได้ก็ส่ายหน้า
“ดี...”
“แต่เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันจะทำอะไร”
ชะงัก แม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะเจอกับสิ่งใดแต่ปฏิกิริยาของเธอยังเป็นเช่นนี้ ราวกับทุกครั้งคือความไม่เคยชิน และอาการเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกต้องการเธอมากขึ้น
มือใหญ่เริ่มรุกล้ำหน้าอก บีบขยำจนร่างของเธอสั่นสะท้านไปด้วยอารมณ์ซึ่งถูกปลุกเร้าขึ้นมา เวสต์จึงรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาหา จูบลงที่หน้าผาก คล้ายการปลอบโยนให้กับสิ่งที่เธอต้องประสบในวันนี้ และการกระทำซึ่งสลับอยู่ในความอ่อนโยนและรุนแรงทำให้วาเลอรีไม่เคยเข้าใจในตอนแรก
จนตอนนี้เธอรู้ว่ามันคือตัวตนของเขา ...มันคือความซับซ้อนที่เขามีอยู่เสมอมา
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่มือทั้งของอีกฝ่ายสัมผัสและไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของเรือนร่าง วาเลอรีไม่อาจจะระงับความรู้สึกของตนได้ เธอหลับตาเมื่อเขาจับให้เธอหันหลัง ความเคืองใจดูจะอันตรธานหายไปอย่างง่ายดายและไม่น่าให้อภัย หญิงสาวหอบหายใจเมื่อมือของเขาเริ่มล้อเลียนอารมณ์กระเจิดกระเจิงของเธอหนักกว่าเดิมด้วยการหยอกเย้าที่หว่างขา ขณะสัมผัสได้เช่นกันว่ากางเกงที่เขาใส่ไม่สามารถปิดบังความต้องการของร่างกายได้ ไม่ช้าวาเลอรีจึงลงไปนั่งคุกเข่า
เธอรูดซิปกางเกงให้โดยเขาไม่ได้ห้ามและไม่ได้บีบบังคับ เพียงแค่เฝ้ามองการกระทำนั้น ฟังเสียงลมหายใจที่หนักขึ้นเมื่อหญิงสาวเลื่อนมือสัมผัสแก่นกายของตน เวสต์บีบมือเรียวอีกข้างของเธอไว้ วาเลอรีจึงไม่มีทางเลือกอื่น เธอไล่ลิ้นลงไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากเพื่อรองรับเอาร่างของเขาเข้ามา
สีหน้าของเขาไม่ได้ขมวดคิ้ว แต่เวสต์ก็ขบกราม เธอรู้ว่าเขาสะกดอารมณ์ตัวเองได้เก่งกว่า เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกอ่อนไหวของตนออกมาบ่อย ยิ่งกับเธอ... ยิ่งในเวลาแบบนี้...
วาเลอรีไม่สามารถจะทำในสิ่งที่เธอทำอยู่ได้ไวหรือง่าย มันยากด้วยซ้ำเมื่อปากของเธอแห้งและขนาดที่ใหญ่ตามร่างกายของอีกฝ่าย หากการทำช้าดูคล้ายอยากเยาะเย้ย เวสต์เริ่มกำผมของเธอ เป็นคนบังคับจังหวะด้วยตัวเอง แม้เธอจะสำลักมาหลายรอบเพราะการกระทำรุนแรงนั้น
พอรู้ว่าวาเลอรีกำลังจะหายใจไม่ทัน เขาปล่อยเธอออกจากตัว ดึงวาเลอรีให้ลุก ก่อนจะทดสอบด้วยการเลื่อนนิ้วลงไปหากลางลำตัวหญิงสาว ขยับช้า ๆ จนได้ยินเสียงร้องในลำคอ เธอเริ่มพิงตัวเองเข้าหาเขามากขึ้น เวสต์จึงแทรกร่างกายตัวเองเข้าไปหาเธอ
ข้อมือถูกจับแน่น หลังชิดผนัง น้ำที่สาดลงมาจากฝักบัวไม่ได้มีผลอะไร เธอหลับตา ซึมซับการกระทำขณะที่เขาเคลื่อนกายเร็วกว่าเดิม นั่นทำให้หญิงสาวร้องออกมาโดยไม่พยายามกัดปากหรือห้ามตัวเอง
“ลืมตาขึ้นมา”
วาเลอรีทำตาม ขณะที่มือของเขาเริ่มกำรอบคอเธอไว้ ความเจ็บผสมกับความซ่านเสียวเร้าให้ร่างกายมีความสุขกว่าเดิม เธอหอบหายใจ ยกมือบีบแขนอีกฝ่าย จิกเล็บลงที่แขน จนกระทั่งเริ่มเห็นฝั่งฝันใกล้เข้ามา
เขารู้ และเขาก็พรากมันจากไป
เวสต์อุ้มเธอขึ้น เดินออกจากห้องน้ำและวางวาเลอรีลงที่เตียงนอน เพียงแค่วินาทีแรกที่เธอถึงเบาะนั้น ขาถูกจับแยกออก แทบไม่ได้ทันตั้งตัว เขาก็ก้มลงมาจูบที่หน้าท้อง ก่อนจะไล่ลงไปต่ำเรื่อย ๆ และใช้ลิ้นของเขาจุดไฟปรารถนาให้กายเธออีกคราว
มันไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียวในแต่ละสัมผัสจากอีกฝ่าย ...ลิ้น หรือนิ้ว หรือความเป็นชายที่เขามอบให้ หากมันเหมือนที่สามารถทำให้เธออยากร้อง อยากดิ้นรน แต่ก็ไม่อยากจะจากสัมผัสเหล่านั้นไป
เธอต้องการเขามากขึ้นจนไม่อาจจะหยุดอาการของร่างกายตัวเองไหว แม้มือจะพยายามหาที่ยึดเหนี่ยว หรือแม้แต่ระบายไฟที่ลุกอยู่ในอารมณ์ออกไปเท่าไหร่ หากดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางลดระดับลงได้
บางครั้งทางเดียวที่จะหลุดจากห้วงปรารถนานี้ก็คือปล่อยตัวเองให้ลอยสูงขึ้นไปจนมันสิ้นสุด
แต่เขาเคยปล่อยให้ร่างกายเธออยู่ในจุดนั้นง่าย ๆ หรือ?
วาเลอรีหอบหายใจเข้ามากขึ้น ร่างเกร็งจนแอ่นเมื่อนิ้วของเขาช่วยเร่งเร้าเสียจนเธอไม่สามารถคิดหาคำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกนั้นได้ เสียงครางดังกว่าเดิม แต่ไม่รู้ว่าต้องร้องอีกเท่าไหร่เขาถึงจะปล่อยให้เธอได้รับในสิ่งต้องการ
“อัลดริก...”
ชื่อจริงของเขาทำให้ชายหนุ่มชะงัก เวสต์ลุกขึ้น ดวงตาของเขาสะท้อนประกายวาววับเมื่อเห็นความตกตะลึงบนใบหน้าของหญิงสาว เธอกัดปากตัวเองและส่ายหน้า คล้ายจะบอกว่าการที่เผลอเรียกชื่อเขานั้นเป็นความผิดมหันต์
“ฉันขอโทษ”
เวสต์แค่นหัวเราะ มือแกร่งเอื้อมไปบีบคางเธอ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหา “บอกว่าอย่าขอโทษ”
ร่างถูกกดลงให้นอนราบกับเตียง วาเลอรีตกอยู่ในสภาวะมึนงงเมื่ออีกฝ่ายกลับถอยออกไป
“ไม่ต้องลุกขึ้น” เขาหันมาสั่ง และกลับเข้าไปในห้องน้ำ เพียงเพื่อจะหยิบเอากุญแจข้อมือที่อยู่ในกางเกงของตนออกมา
ในความหนาวเย็นที่ทวีคูณ เหล็กซึ่งคล้องเข้าข้อมือของหญิงสาวดูดซึมความเย็นไว้หลายเท่า หากสิ่งใดก็ไม่ทำให้เธอสั่นสะท้านไปมากกว่าการกระทำของเขา เวสต์ดึงตัวเธอขึ้น จับแขนหญิงสาวไพล่หลังไว้แล้วล็อคกุญแจนั้นเข้าอีกคราว ก่อนจะหันใบหน้าเธอไปยังหัวเตียงซึ่งมีกระจกสีมืดสลักเป็นลวดลาย
เงาเลือนรางสะท้อนลงบนนั้น เธอเห็นตัวเองที่กำลังนั่งคุกเข่า หน้าอกซึ่งอวบพอดีมือแอ่นด้วยอารมณ์ จนกระทั่งเขาจับขาเธอให้แยกออกจากกันกว่าเดิม ก้มลงมาคลอเคลียซอกคอ และกระซิบช้า ๆ
“ไม่เรียกชื่อฉันแล้วหรือไง”
เธอไม่ตอบ ไม่กล้าตอบ รู้สึกได้ถึงร่างกายของเขาที่กำลังจะรุกล้ำเข้ามาหา เช่นกันกับนิ้วซึ่งเย้าแหย่ที่จุดกระตุ้นอารมณ์ไม่หยุดหย่อนจนเสียงครางของหญิงสาวดังออกมาจากลำคออย่างต่อเนื่อง
คล้ายกับจงใจ เขาล้อเล่นกับเธอ ลูบหน้าอกไล่ลงไปจนถึงกลางร่างกายแล้วเลื่อนนิ้วขึ้นมาหาปากวาเลอรี ปล่อยให้เธอลิ้มรสความปรารถนาที่มีต่ออีกฝ่าย จนเธอเริ่มหลงใหล ลืมไปว่ารสชาตินั้นยังไม่ได้ครึ่งของสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังจะกระทำ
ความเสียวแล่นปลาบขึ้นมาถึงท้องน้อย วาเลอรีสะดุ้งทุกครั้ง แรงนั้นทำให้ร่างกายกระตุก ก่อนจะสั่นไปตามจังหวะที่อีกฝ่ายกระทำเข้าออกซ้ำไปซ้ำมา มือเขากระชากผมเธอจนต้องเงยหน้า ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เงาซึ่งสะท้อนความต้องการในร่างกายอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปง่ายขนาดนี้กัน
ราวกับเรื่องอื่นใดไม่มีความหมายและเหตุผล วินาทีนั้นเธอเพียงต้องการให้เวสต์อยู่กับเธอ และต้องการสัมผัสทุกอย่างที่เขาจะให้ วาเลอรีหันหน้าไปมองอีกฝ่าย มือที่ถูกล็อคไว้ด้วยกุญแจทำให้ไม่สามารถจับแขนเขาไว้เพื่อยึดเหนี่ยวอย่างที่ต้องการ พอริมฝีปากถูกบดขยี้ เธอเอนร่างเกือบจะล้มจนเขาต้องกอดหญิงสาวไว้แน่นกว่าเดิมและเคลื่อนกายหนักกว่าเดิม
รสชาติของทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นเติมเต็มความปรารถนาได้ดีเกินไปด้วยซ้ำ แต่เวสต์ไม่ต้องการรสชาติหวานชื่นโดยไร้ความขม เขาเลื่อนมือขึ้นมาบีบหน้าอกวาเลอรีจนเธอร้องด้วยความเจ็บ แล้วชายหนุ่มก็ฟาดมือใส่เนินอกอิ่มจนเธอสะดุ้งเฮือก
“เวสต์ ...นายทำอะไร”
“ไม่เรียกชื่อจริงฉันแล้วหรือไง”
ดวงตาสีสะท้อนความสับสน เขาใช้มือปิดปากเธอ ภาพเวลาที่วาเลอรีตบหน้าเขาย้อนเข้ามาในหัว เวสต์หัวเราะในลำคอ เคลื่อนกายกระแทกเข้าและออกสุดจนทำให้หญิงสาวแทบจะกรีดร้อง และยิ่งเธอร้องมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งเพิ่มความเร็วจนรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดวาเลอรีก็ล้มลง แก้มถูกกดลงไปกับเบาะเตียงข้างหนึ่ง การหันกลับมาเห็นเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ช่างเหมือนกับความเจ็บที่มาพร้อมความเสียวกระสัน
เธอเห็นอกของตนซึ่งกระเพื่อมไปตามจังหวะเมื่อเขาเคลื่อนกายชัดเจนขึ้นทำให้เธออยากจะจับมันเพื่อควบคุมร่างกายตนเองไว้บ้าง หากมือยังถูกมัด วาเลอรีร้องครวญครางทั้งที่รู้ว่ามันคือสิ่งที่เวสต์ต้องการ ร้องจนไม่รู้ว่ามันเกิดเพราะความเจ็บหรือความต้องการแน่ หญิงสาวอยากหลับตา หากภาพที่มองเห็นอยู่รั้งเธอไว้
ราวกับมีปิศาจกระซิบให้เธอมองตัวเองและเขา ซึมซับมันด้วยความหรรษา
“แรงขึ้นอีกได้ไหม อัลดริก...”
เสียงเบาหวิว แต่เธอรู้ว่าเขาได้ยิน และรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เวสต์จะหยุด เขาไม่ยอมให้ในสิ่งที่หญิงสาวต้องการง่ายๆ วาเลอรีจึงใช้จังหวะนั้นขยับตัวถอยออกมา หากเวสต์กอดเอวเธอไว้แน่นและกดร่างของตนเข้าหา ไม่ยอมให้เธอหนีเขาได้
ชายหนุ่มจับเธอขึ้นมา รู้ตัวอีกทีวาเลอรีก็นั่งอยู่บนตักอีกฝ่าย มือของเขาบีบคอ ยกร่างเธอขึ้นเพียงเพื่อจะขยับกายได้ง่าย หญิงสาวเงยหน้า ยอมให้เขาทำในสิ่งที่อยากเมื่อเธอไม่อาจจะบังคับหรือควบคุมอะไรได้อยู่แล้ว ก่อนดวงตาจะเลื่อนไปมองเงาสะท้อน
เธอรู้สึกว่ามันไม่เหมือนตัวเธอเองเลย
“อัลดริก ได้โปรด” เสียงของเธอเกือบแหบพร่าและเลือนรางไปในอากาศ “ให้ฉันเสร็จเถอะนะ”
ไม่มีการตอบรับ มีเพียงการกระทำซึ่งเพิ่มความเร็วและมือที่บีบคอเธอแน่นกว่าเก่า ผลักเร้าให้เธอทรงตัวไม่ไหว วาเลอรีรู้สึกคล้ายถูกเหวี่ยงออกไปไกลแสนไกล ขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน กระตุกซ้ำ ๆ อยู่บนร่างของอีกฝ่าย เธอไม่อาจจะหยุดมันได้ง่ายดาย จนเขาผลักเธอให้ล้มไปนอนอีกคราว
อีกครั้งที่ร่างกายของเขารุกเร้าเข้าหา ตัวของหญิงสาวอ่อนระทวยจนต้องยกขาเกี่ยวเอวอีกฝ่ายไว้ รองรับแรงซึ่งส่งผ่านมาหาแม้ว่าเธอจะรู้สึกล่องลอยอยู่ มันยิ่งทำให้วาเลอรีตัวสั่น เสียงแทบจะไม่อาจจะร้องครางได้ด้วยซ้ำ เธอไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรแล้วในเวลานั้น
แต่เธอรู้ว่าเวสต์จะบังคับให้เธอไปยืนเหนือขอบเหวได้อีกในไม่ช้า
และเขาจะผลักเธอตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า