หลังจากที่นักฆ่าชาวญี่ปุ่นกลับไป กาเบียลและกรรณก็มานั่งคุยกับนายถึงเรื่องที่มาโคโตะยอมจะ
ปลิดชีพเฉลิมให้ตามการว่าจ้างของนาย ซึ่งจะเชื่อถือได้มากแค่ไหนเชียว
“ นายพูดไปแบบนั้น รับรองมันไม่บอกเฉลิม ”
“ อือ ผมก็คิดงั้น ”
“ มาโคโตะไม่คิดหักหลังนายหรอกครับ ” กรรณพูดอีกเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นาย
“ หึๆๆ นาย...จะทำอะไรต่อหากเฉลิมตายไปแล้ว ” กาเบียลคิดการณ์ไกลไปมาก
“ รอมันตายก่อน ยังไม่ได้แพลนอะไร ”
“ จะกลับบ้านเลยมั้ยครับ ตอนนี้ก็จะ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ” กรรณดูนาฬิกาแล้วถามนาย
“ อือ ”
“ งั้นเดี๋ยวผมไปตรวจความเรียบร้อยที่บ่อนกับบาร์ นายกลับไปกับกรรณก่อนเลยก็ได้ครับ ”
“ ผมไม่อยากกลับกับมัน ”
“ ผมไปทำไรให้นายไม่พอใจรึเปล่าครับ ”
“ ปกติเห็นไม่พอใจก็สั่งทำโทษมัน ทำไมครั้งนี้เงียบล่ะนาย ”
“ นั่นสิ นายไม่พอใจผมก็สั่งลงโทษผมสิครับ อย่าเงียบแบบนี้ ”
“ เรื่องของกู! ”
มาเฟียหนุ่มลุกขึ้นแล้วก็เดินออกจากห้องทำงาน ลงมาด้านล่างเพื่อที่จะได้กลับบ้านเลยทันที
พอออกมาได้ไม่กี่กิโลอิทธิก็ได้ยินเสียงแปลกๆขึ้นจึงถามทุกคนว่ามีใครได้ยินมั้ย ทุกคนจึงเงียบเพื่อฟัง
ติ้ด
ติ้ด
ติ้ด
ติ้ด
ติ๊ด เสียงคล้ายนาฬิกาแบบนี้ดังอยู่เรื่อยๆและกรรณก็พอได้ยินบ้างแล้ว
“ ผมไม่ได้ยินครับ ” ยศมองผ่านกระจกบอกไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแต่กรรณกลับเปิดประตู
“ นายครับ รีบวิ่งให้เร็วที่สุด ”
“ ทุกคน รีบออกจากรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ” มาเฟียหนุ่มสั่งกับทุกคนในรถ
พรุ่บบบบบบบบบบ เสียงประตูรถถูกเปิดออก กรรณลงมารอให้นายกระโดดลงมาจากรถและทั้งหมด
ก็รีบวิ่งกันไปคนละทิศละทาง ให้ห่างจากรถที่สุดเท่าที่จะสามารถวิ่งหนีไปได้
บึ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!
โอ๊ยยยยยย
ตุ้บบบบบบบบบบบบบ โอยยยยยยย
ตุ้บบบบบบบบบ
“ นายยยยยยยยย!!!! ”
กรรณตะโกนเรียกนายแล้วนอนหมอบหลบสะเก็ดระเบิดอยู่ที่พื้น เช่นเดียวกับทุกคน
รถคันหรูของอิทธิตอนนี้ไฟกำลังลุกอย่างหนัก เศษอะไรต่างๆแตกกระจายโดนผู้คนที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด
รวมถึงอิทธิด้วยที่ค่อยๆลุกขึ้นนั่งมองรถตน
“ นายเป็นอะไรรึเปล่าครับ ” มาเฟียส่ายหน้าให้กับลูกน้องที่คลานเข้ามาถาม
“ ในบ่อนเราต้องมีหนอนบ่อนไส้ ไม่งั้นใครมันจะเอาระเบิดมาติดใต้รถของนายได้
นายไม่ได้เป็นอะไรแน่ใช่มั้ยครับ ” กรรณถามอีกครั้งด้วยความแน่ใจ
“ กูไม่เป็นอะไร ”
มือซ้ายของมาเฟียกดโทรศัพท์ให้คนที่บ้านเอารถคันใหม่มารับนาย โดยให้ตรวจสอบอะไรต่างๆ
ให้ดีก่อน พร้อมแชร์โรเคชั่นว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน จากนั้นก็โทรหากาเบียลเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ ว่าไง กูอยู่ในบ่อนเนี้ย ”
“ มีคนลอบวางระเบิดที่รถนาย ” กรรณบอกกาเบียลพลางมองนายไม่ละสายตา
“ เฮ้ย! แล้วมีใครเป็นอะไรมั้ย ” คนในปลายสายส่งเสียงตกใจและแสดงความเป็นห่วงทันที
“ คนขับกับลูกน้องบาดเจ็บนิดหน่อย ”
“ กูจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ มึงไปคอยดูนาย เผื่อพวกมันสอดส่องอยู่แถวนั้น ”
ปั้งงงงงงงงงง ปั้งงงงงงงงงงงงงง
ปั้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
กรรณรีบวางสายเนื่องจากมีเสียงปืนดังขึ้นหลายต่อหลายนัด อิทธิก็หยิบปืนขึ้นมาและสั่ง
ให้ลูกน้องระวังตัวเองกันไว้ด้วย และกรรณก็สั่งต่อจากนายให้ทุกคนมาคุ้มกันนาย
ปั้งงงงงงงง ปั้งงงงงงงงงง
ปั้งงงงงๆๆๆ ปั้งงงงงงงง
กรรณและอิทธิวิ่งมาหลบอยู่หลังต้นไม้ คอยยิงตอบโต้พวกมันที่มากันหลายสิบคนและมีกำลังพล
มากกว่า เสียงปืนยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ สาดกันเฉียดเฉี่ยวไปมาระหว่างสองฝ่าย
“ กระจายตัว!! ไม่ต้องมาคุ้มกันกู เอาชีวิตตัวเองให้รอด ” มาเฟียหันไปสั่งกับลูกน้องอีกครั้ง
“ แต่..นาย ” คำสั่งของนายทำเอาลูกน้องส่ายหน้า เพราะหลายต่อหลายครั้งที่ไปสู้รบด้วยกัน
คนเป็นนายมักจะบอกให้ลูกน้องเอาชีวิตตัวเองให้รอด ไม่เคยเห็นแก่ตัวให้ตัวเองรอดอยู่คนเดียวเลย
“ คำสั่งกูถือเป็นคำขาด ”
อิทธิตะโกนดังลั่น ลูกน้องจึงกระจายตัวตามที่นายสั่งแต่ไม่ทอดทิ้งนายไปไหนช่วยกันยิงคู่ต่อสู้
จนรถของกาเบียลที่มาพร้อมกับลูกน้องอีก 6 - 7 คน มาถึงก็เข้ามาช่วยกันกำจัดไอ้พวกปิดหน้าปิดตาซุ่ม
ทำร้ายอิทธิ จนพวกนั้นรีบขึ้นรถหนีไปเมื่อเห็นว่ามีรถอีกคันกำลังมารับนายและ มีปืนกลมาด้วยถึง 2 กระบอก
“ ขึ้นรถครับนาย ” คนขับรถอีกคนเปิดกระจกและตะโกนบอกกับนาย
“ เชิญครับนาย... ” กรรณมองซ้ายขวาและผายมือให้นายเดินไปขึ้นรถคันใหม่ที่มารับ
“ ไปช่วยคนเจ็บขึ้นรถมาด้วย กูจะไปกับนาย!! ” กาเบียลสั่งกับลูกน้องแล้วลงจากรถไปหานาย
ในระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวอิทธิก็ได้สั่งการกับลูกน้อง หาตัวคนลอบวางระเบิดที่รถคันหรูของตน
“ โทรหาไอ้สองให้มันตรวจสอบกล้องวงจรปิดในลานจอดรถ หาตัวคนวางระเบิด แล้วรายงานกูให้เร็วที่สุด ”
“ ครับนาย ”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถก็วนขับเข้ามาในบ้าน รั้วสูงใหญ่ก็ปิดอย่างรวดเร็ว มาเฟียหนุ่มลงจากรถ
แล้วเดินเข้าบ้านด้วยความโมโหและเกรี้ยวกราดอะไรขวางทางเตะกระจุย ผลักมันล้มลงให้หมด จนสาวใช้
และทุกคนรีบออกมาดูกันยกใหญ่
“ อะไรกันคะนาย ” ป้าภาถามพลางมองของที่กระจายเต็มพื้นไปหมด
“ ไปเข้านอน อย่าถามผมตอนนี้ ” มาเฟียตาแข็งราวเพชรลั่นวาจาออกไปอย่างเยือกเย็น
“ ไปป้า นายโมโหอยู่ ” สาวใช้สองคนพอจะดูออกว่านายกำลังโกรธจัดจึงช่วยดันป้าภา
ให้รีบออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่บ้านจะถล่มและพังพินาศลงจากฝีมือนายใหญ่ของบ้านที่ตอนนี้หัวร้อน
จนแทบจะฆ่าคนด้วยมือเปล่าเลย วีผู้เข้ามาทีหลังเห็นป้าภาและสองสาวใช้รีบพากันเดินกลับเข้าห้องก็กลับ
สงสัยไปใหญ่จึงเดินเข้าไปในตัวบ้านก็เห็นนายยืนกำมือแน่นหน้าตาเคร่งเครียดและอาฆาตแค้น
“ อย่าเพิ่งเข้าไป ” กรรณร้องห้ามไว้ก่อนที่วีจะเดินเข้าไปหานายใกล้ๆ
“ มึงไปทำแผลไปกรรณ ” กาเบียลบอกกับกรรณที่มีแผลบาดเจ็บที่แขนและขา
“ เกิดอะไรขึ้นครับ?? ” วีถามกาเบียลแต่สายตายังคงจ้องมองนายอยู่
“ มีคนติดระเบิดที่รถของนาย ดีที่ไหวตัวทันกัน แล้วพวกมันก็ซุ่มยิงทำร้ายนาย หวังให้นาย
ถึงขั้นตายกันเลยทีเดียว ”
“ ใช่คนที่ยิงนายคราวก่อนมั้ย ”
“ ใช่ ”
“ ผมเข้าไปหานายได้มั้ย ผมเป็นห่วงนาย ” วีหันมาถามกาเบียล
“ อย่าเข้าไปจะดีที่สุด รอให้นายเย็นลงก่อนนะครับ ” กาเบียลรู้ดีว่าเวลานี้นายไม่อยากพบใคร
ทำให้วียืนมองนายอยู่กับกาเบียล ไม่นานกาเบียลก็ขอแยกตัวไปดูลูกน้องและคนขับรถที่โดนสะเก็ดระเบิด
บาดเจ็บกัน และกำชับเวรยามให้แข็งมากขึ้น ป้องกันภัยยามดึก จากนั้นอิทธิก็เดินขึ้นไปข้างบน วีก็รีบเดินขึ้น
ไปตามไปเรื่อยๆ เดินไปทางห้องนอนนาย แต่แล้วนายก็หายไปไหนไม่รู้ วีจึงยืนมองหาและอยู่ๆก็มีคนโผล่
มาล็อกคอวีจากด้านหลัง
“ ตามกูมาทำไม ” เสียงที่คุ้นหูทำให้วีไม่ตกใจจนร้องโหวกเหวกให้คนช่วย
“ ผะ...ผมเป็นห่วงนาย เลยตามมาครับ ” มาเฟียปล่อยแขนออกจากคอวี แล้วก็เปิดประตูเข้าห้อง
และหันมามองคนตรงหน้า
“ กูอยากอยู่คนเดียว ” อิทธิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทำให้วีมองตานายแล้วก็เข้าใจ จึงหันหลังเดิน
ออกไป โดยที่อิทธิยังคงยืนมองวีเดินออกไปอยู่ที่ประตูและไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้อิทธิเรียกวีไว้
“ วีรธัช ”
วีหันมายืนนิ่งรอคำพูดจากนายแต่ไม่มีคำพูดใดออกจากปากเค้า มีเพียงการพยักหน้าน้อยๆ
เป็นการเรียกให้วีกลับมาเท่านั้น วีจึงเดินกลับมายืนตรงหน้านายอีกครั้ง แล้วนายก็เอามือจับมือวี
ดึงเข้ามาในห้อง ล็อกประตูอย่างแน่นหนา แล้วก็สวมกอดวีแน่น วีเองก็กอดตอบนายกลับเช่นกัน
“ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ ” หลังจากกอดไปได้สักพักวีก็เรียกขวัญให้นายผู้ที่ผ่านเคราะห์ร้ายมาได้
“ หึ! ” และการเรียกขวัญของวีนี้เองทำเอาอิทธิถึงกับยิ้มมุมปากเล็กๆออกมา
“ ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย... ”
“ อือ ”
“ ต่อจากนี้ต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ ” วีลูบหลังนายเบาๆ
“ เป็นห่วงกูเหรอ ” มาเฟียออกจากอ้อมกอดของวี และยืนมองตารอคำตอบจากวีอยู่
“ เป็นห่วงสิครับ ห่วงมากด้วย ”
อิทธิยกมือมือขึ้นจับที่แก้มของวีอย่างเบาๆ จากนั้นก็ประกบปากตัวเองจูบที่ริมฝีปากของคนตรงหน้า
ทั้งคู่จูบกันได้ซักพักก็ถอยออกจากกัน เป็นวีที่เขินจนหน้าออกสี พร้อมกับอิทธิที่ยังคงจ้องมองวีไม่ละสายตา
“ ช่วงนี้นายมีเรื่องให้เครียดบ่อย จะเป็นไมเกรนมั้ยเนี่ย ”
“ ตอนนี้กูไม่ได้เครียด กูโกรธ แล้วก็กำลังโมโหมากด้วย ” แต่เหมือนจะเย็นลงไปมากเมื่อได้อยู่กับวี
“ ถึงว่ากาเบียลห้ามผมใหญ่เลย ว่าไม่ควรเข้าใกล้นายตอนนี้ ”
“ กาเบียลห้าม ทำไมมึงถึงกล้ามาหากู ”
“ ก็... ” เพราะวีเป็นห่วงแต่วีไม่ได้พูดออกไป เพราะไม่อยากพูดซ้ำบ่อยๆ
“ ไม่กลัวกูรึไง กูโกรธมากกูฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้เลยนะ ”
“ เอ่อ... ” ตอนแรกก็ไม่กลัวเท่าไรตอนนี้เริ่มกลัวละวีคิด
อิทธิเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียง ยกเท้าขึ้นมาทำท่าจะถอดถุงเท้าแต่วีรีบเดินเข้ามานั่งที่พื้นจับเท้านาย
วางที่ขาตน แล้วก็ถอดถุงเท้าให้นายแทนทั้งสองข้าง
“ หรือมึง...คิดว่ามึงสามารถทำให้กูโมโหลดลงได้ ” อิทธิก้มมองคนที่นั่งอยู่กับพื้น
“ จากที่เห็นตอนแรก ตอนนี้ก็น่าจะลดลงแล้วมั้งครับ ”
“ นิดหน่อย ”
“ ผมนวดเท้าให้ดีกว่า เคยอ่านมามีหลายจุดนวดคลายเครียดได้ เท้าก็ส่วนหนึ่ง ”
“ กูไม่มีอารมณ์นวดตอนนี้หรอก ”
“ แล้วนายจะให้ผมช่วยอะไรล่ะครับ ” อิทธิเงียบวีจึงถอยออกห่างและพูดต่อว่า...
“ งั้นผมกลับก็ได้ นายอยากอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ” วีบอกพลางทำท่าจะลุก
“ ตอนนั้นใช่ ตอนนี้ไม่ละ ”
“ เอ้า! ไปนอนแช่น้ำมั้ยครับ อาบน้ำเย็นๆจะได้คลายอารมณ์ร้อนๆ ”
“ อือ ”
“ งั้น...เดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำให้ก่อน นายก็ทำอย่างอื่นรอนะครับ ”
ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการตามที่บอกนายไว้แล้วก็หันมาเจอนายยืนมองอยู่ก็ตกใจนิดๆ
เพราะนายยังคงยืนนิ่ง แววตาบ่งบอกถึงความไม่ปกติอยู่
“ กูไม่มีอารมณ์มานอนแช่น้ำอะไรตอนนี้ กูอยากฆ่าคน ” จู่ๆอารมณ์อิทธิก็เปลี่ยนเป็นร้อนอีกครั้ง
“ นะ..นาย ”
อิทธิถอนหายใจออกอย่างแรง ทำให้วีได้แต่มองนายแต่ไม่กล้าพูดหรือออกความเห็นอะไรอีก
อิทธิจึงมองวีอีกครั้งแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำและเดินออกจากห้องไป ทำให้วีรีบเดินตามนายออกมา
กลัวนายจะเอาปืนไปยิงใครเกลื่อนกราดตามที่ว่าจริงๆ และมันคงไม่ดีแน่ถ้าอิทธิทำอย่างนั้น
“ นายจะไปไหนครับ ” ลูกน้องที่ยืนเวรเข้ามาถามนายที่เดินอ้าวๆออกมานอกบ้าน
“ ไปเอาปืนมาให้กู กูจะไปซ้อมปืน ”
“ ตอนนี้เหรอครับ ”
“ เออ!! ” มาเฟียตอบเสียงดังใส่ลูกน้องอย่างเกรี้ยวกราด
“ นาย ผมไปด้วย ”
อิทธิเดินก้าวขายาวและเร็วจนมาถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของข้างบ้านที่มีประตูปิดไว้อีกที ลูกน้องบริเวณ
นั้นก็รีบไขกุญแจให้นาย และก็ตามนายไปด้วยเพื่อจัดหุ่นสำหรับการซ้อมยิงปืนให้
“ ปืนครับนาย ”
“ ออกไปกันให้หมด ”
มาเฟียหันปืนไปจ่อลูกน้องเรียงคน จนลูกน้องรีบออกไปกันจนหมดเหลือเพียงวีที่ยังอยู่
“ นายจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมขออยู่ดูนายในนี้ ” วีเอ่ยไปเบาๆอย่างกลัวๆ
“ ไม่กลัวรึไง ว่าถ้าหุ่นมันถูกยิงจนพรุน แล้วมึงจะได้เป็นเป้าแทน ”
“ กะ...กลัว ”
“ งั้นก็ออกไป ”
“ ไม่ไป ”
ปั้งงงงงงงง ปั้งงงงงงงงงง ปั้งงงงงงงงงงงงงงง
อิทธิยิงไปที่หุ่นตัวเดียว 3 นัดแล้วก็หันปลายปืนมาจ่อวีที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตนเท่าไหร่
“ กูบอกมึงว่า อยากฆ่าคน กูมายิงหุ่นเพราะมันไม่มีชีวิต แต่ที่มีชีวิตในนี้ก็มีแค่มึง
กูจะนับ 1ถึง 3 ”
“ ทำไมชอบนับนักฮะ? ”
“ 1 ”
“ ผมไม่ไป ”
“ 2 ”
วียืนหลับตาสนิท กลัวว่าถ้ามันถึง 3 จะมาเจาะอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างตัวเองแต่ไม่มีเลข 3
ออกจากปากมาเฟียมีแต่เสียงปืนที่ดังขึ้นเท่านั้น
ปั้งงงงงงงง ปั้งงงงงงงงงงงง
ปั้งงง ปั้งงงงงงงงง
“ คนที่ทำนายใช่คนเดียวกับฆ่าพี่ชายนายรึเปล่า ” คำถามของวีทำเอาอิทธิหยุดยิง
“ เพราะแบบนี้ใช่มั้ยนายถึงโกรธมากแล้วก็อาฆาตแค้นแบบนี้ ”
“ มึงไม่เข้าใจหรอก ” อิทธิหันปืนเล็งไปที่หุ่นอีกครั้ง
“ ไม่เข้าใจอะไร ผมไม่รู้อะไรอยู่แล้วจะเข้าใจได้ยังไง ”
“ เรื่องของกู คนนอกไม่ต้องมาอยากรับรู้ ”
“ รู้! ว่าเป็นคนนอก แต่ถ้าเก็บไว้คนเดียวระวังจะอกแตกตาย มีอะไรก็พูดออกมา
ระบาย มันออกมาดิ เส้นเลือดในสมองจะแตกซักวัน ” วีพูดด้วยน้ำเสียงบ่นๆ
“ กูจะพูดจะระบายอะไรกับใครได้ กูตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กชีวิตกูต้องสู้และพิสูจน์ตัวเอง
ขนาดไหน มีกี่คนที่เข้าใจกูฮะ? ” อิทธิเอาแขนลงและหันหน้ามาคุยกับวีตรงๆ
“ แต่ตอนนี้นายไม่ได้ตัวคนเดียว นายมีกาเบียล มีกรรณ มีป้าภา แล้วก็มีผม
นายมีคนที่รักและหวังดีกับนายตั้งหลายคน ผมเคยบอกนายแล้ว ว่าให้พูดกับผมระบายกับผมก็ได้
ผมอยู่ข้างนายเสมอ ถึงแม้ผมจะเป็นคนนอกก็ตาม ” วีมองอิทธิที่ยืนแน่นิ่งไป และประมาณนาทีต่อมา
อิทธิก็เริ่มเล่า
“ กูเจ็บที่ไอ้เฉลิมมันเล่นงานกูได้หลายครั้ง มันดูถูกกู บอกว่ากูเป็นเด็กเพิ่งหัดเล่นเกม
มันถุยน้ำลายใส่กู แล้วก็บอกว่ากูเป็นไอ้ลูกขาดความอบอุ่นจากแม่ ทั้งๆที่แม่กูตายเพราะกลุ่มเพื่อนของมัน ”
วีพอได้ยินนายพูดแบบนั้นก็เดินเข้าไปใกล้นายแล้วสวมกอดเข้า มือลูบหลังเบาๆเป็นการปลอบ
“ เจ็บได้ อย่าเจ็บนาน เวลามันก็เดินไปไม่รอนายพักเจ็บหรอกนะ นายไม่ได้ขาดความอบอุ่น
จากแม่หรอก แม่นายเค้ารักนาย รักมากด้วย ถึงเค้าจะไม่อยู่ แต่ความรักเค้ายังอยู่ นายมีฝีมือเลื่องชื่อมาได้
ขนาดนี้ ตั้งแต่อายุน้อยๆ นายก็โคตรเก่งละ ถึงแม้ว่าเค้าจะว่านายว่าเป็นเด็กหัดเล่นเกม เป็นเด็กทำได้
ขนาดนี้คงไม่ต้องมีผู้ใหญ่ในวงการนี้หรอกมั้ง ใช่มั้ย? ” วีออกจากอ้อมกอดจับมือนายแล้วเงยหน้ามอง
“ ใครระบายกันแน่วะ มึงหรือกู ”
“ ปลอบใจอยู่นะเนี้ย ”
“ จริงของมึง เวลาแม่งก็ผ่านไปเรื่อยๆ กูไม่ควรเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ เรื่องมันผ่านไปแล้ว
กูควรแสดงให้แม่งเห็นจุดยืนของกูในตอนนี้ ว่ากูก็ชั้นเดียวกับมัน ไม่แน่กูอาจจะเหนือกว่ามันอีกด้วยซ้ำ ”
“ เยี่ยม! นายคนเดิมกลับมาแล้ว ”
“ มือกู จะจับอีกนานมั้ย ”
“ อุ่ย ขอโทษครับ ”
สิ้นสุดเสียงขอโทษของวี อิทธิก็เอนตัวเข้ามาประกบปากจูบริมฝีปากบางของคนตรงหน้า
เป็นการจูบธรรมดาเป็นจูบสั้นๆอยู่หลายที แล้วก็จบด้วยการหอมหน้าผากอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
“ ขอโทษครับ...เอ่อ.. ” เสียงของกาเบียลทำเอาทั้งคู่ที่ยังยืนมองตากันรีบหันไปมองต้นเสียง
ที่เอ่ยออกมา วีตกใจกลัวกาเบียลเห็น จนรีบยืนถอยออกห่างนายไปหลายก้าว อิทธิเองก็หันมามองวีนิดๆ
แล้วหันไปหากาเบียล
“ คุณกาเบียลมาตั้งแต่เมื่อไรครับ ” วีถามแล้วรู้สึกเขินอายคิดว่ากาเบียลต้องเห็นแน่ๆ
“ สักพักแล้ว เห็นลูกน้องมันบอกว่านายโมโห มายิงปืนอยู่ในสนาม ”
“ อือ ”
“ นายไม่ต้องกังวลคำพูดไอ้เฉลิมนะครับ มันบั่นทอน ปั่นจิตนายอยู่ อย่าไปเล่นตามเกมมัน
ปล่อยมันไปแล้วทำตามแผนของเราดีกว่า ” กาเบียลผู้มาช้าแต่ก็พูดปลอบนายได้ดี
“ ผมโอเคแล้ว มีคนดึงสติผมไว้น่ะ ” อิทธิพูดพลางหันไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ งั้นเก็บปืนนะครับ ” กาเบียลมองวียิ้มให้พร้อมพยักหน้าเป็นการขอบคุณที่ดูแลนาย
“ ผมจะไปนอนละ ”
อิทธิหันมองลูกหนี้ตัวเองนิดๆแล้วก็เดินออกไป วีเองก็รอให้กาเบียลเดินแล้วตัวเองก็ค่อยเดินออกมา
เพื่อกลับไปที่บ้านคอนเทนเนอร์ตัวเอง
“ ผมเห็นนายยืนจูบกับคุณ ” กาเบียลชะลอเท้าแล้วหันมาพูดกับคนที่เดินตามหลังมา
“ เอ่อ... ”
“ ผมไม่เคยเห็นนายจูบกับใคร แล้วก็ไม่เคยเห็นนายทำอะไรแบบนี้ที่สาธารณะที่คนอื่น จะมองเห็นได้
แม้แต่ผมกับกรรณก็ไม่เคยเห็น ” วียืนกุมมือฟังกาเบียลอย่างเงียบๆ
“ มีอะไรจะพูดกับผมมั้ย?? ” กาเบียลถามต่อเพราะอีกคนไม่ยอมพูดอะไร
“ ผมไม่รู้จะพูดอะไรครับ ”
“ คุณรู้สึกยังไงกับนายของผม ”
“ ผมคิดแค่ว่าผมเป็นลูกหนี้ ไม่กล้าคิดอะไรหรอกครับ ” วีก้มลงมองที่พื้นหลังตอบเสร็จ
“ คุณแน่ใจนะคุณวี ”
ร่างบางไม่ตอบออกไปเพราะในใจมันคิดไปแล้วจริงๆ หลายต่อหลายครั้งที่นายทำดีด้วย
อ่อนโยนด้วย มันทำให้ใจของร่างบางนั้นเต้นแรงและก็คงตกหลุมรักไปซักพักใหญ่ๆแล้วจริงๆ
การกอดเป็นการระบายความเครียดได้จริงๆนะ หากผู้อ่านเครียดลองหาใครซักคน
ที่จะอยู่เคียงข้าง คอยรับฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักหรอก เพื่อนก็ได้
เพราะการเก็บปัญหาไว้คนเดียว มันจะทำให้เราเครียด ความเครียดส่งผลไม่ดีหลายอย่างนะ
ไรท์เป็นห่วงทุกคน ขอบคุณคอมเม้นท์เช่นเคย คนที่กดถูกใจด้วย