1
เอื้อมไม่ถึง
ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน...
ณ บ้านของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่ติดอันดับท็อปต้นๆของประเทศ
“ตาวินตักกับข้าวให้น้องสิ…เห็นไหมน้องเอื้อมตักไม่ถึง”
แคทเธอรีนหญิงวัย53ปีลูกครึ่งอเมริกันเกาหลีกำลังตำหนิลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวนั่นก็คือมาวินหนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันเกาหลีเนื้อหอมวัย32ปีอาจารย์ประจำภาควิชาคณะบริหารธุรกิจ
แพรวาชะงักที่เธอเป็นสาเหตุให้อาจารย์หนุ่มสุดฮอตของมหาวิทยาลัยต้องโดนมารดาตัวเองตำหนิกลางโต๊ะอาหาร
“ครับ”
มาวินตอบสั้นๆก่อนจะหันมาตักอาหารให้หญิงสาวโดยไม่คิดจะมองหน้าเหมือนกลั้นใจทำให้มันจบๆไปซะ…
ทุกครั้งที่แพรวาพบเขาไม่ว่าที่ข้างนอกหรือในมหาลัยเธอไม่เคยเห็นเขาจะยิ้มแย้มทักทายให้กับเธอเลยสักครั้งเดียวมีแต่ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาไร้ความรู้สึกกับสายตาที่ว่างเปล่าที่ทอดมองมาเพียงเพราะว่าเธออ้วนไม่สวยไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือนบรรดาผู้หญิงเอ็กซ์เซ็กแตกพวกนั้นงั้นหรือ…
เพียงเพราะว่าเธออ้วนไม่สวยไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือนบรรดาผู้หญิงเอ็กซ์เซ็กแตกพวกนั้นงั้นหรือ…
“พ่อกับแม่โทรมาหาบ้างหรือป่าวหนูแพร?...แล้วอยู่ที่คอนโดเป็นไงบ้างสบายดีไหม?ลุงบอกให้ย้ายมาอยู่ที่นี่หนูก็ไม่ยอม”
ลุงดิเรกชายวัย55ปีหรือท่านอธิการดีประจำมหาวิทยาลัยที่แพรวาเรียนอยู่และท่านก็ยังเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อพิภพของเธอตั้งแต่สมัยมัธยมอีกด้วย
“ก็มีโทรมาบ้างค่ะ…แต่ช่วงนี้คุณพ่อกับคุณแม่กำลังยุ่งเห็นบอกว่ากำลังจะออกคอลเลคชั่นใหม่น่ะค่ะ”
แพรวาบอกตามความจริง พิภพและอรัญญาพ่อแม่ของเธอเป็นเจ้าของธุรกิจอัญมณีที่กำลังขยับขยายตลาดในยุโรปนานๆท่านทั้งสองจะได้กลับบ้านที่ประเทศไทยสักครั้งมันเป็นแบบนี้มาสี่ห้าปีแล้วตั้งแต่เธออยู่มัธยมปลายเพราะงานที่รัดตัวและกำลังอยู่ในช่วงเติบโตจึงทิ้งมานานไม่ได้
จึงเป็นเหตุให้พิภพและอรัญญาต้องฝากบุตรสาวเพียงคนเดียวไว้กับเพื่อนรักดิเรกและคุณแคทเธอรีนช่วยดูและเพราะแพรวายืนยันจะเรียนที่ประเทศไทยจนจบปริญญาตรีก่อนแล้วค่อยย้ายไปต่อปริญญาโทที่อังกฤษซึ่งตอนนี้แพรวาก็เรียนอยู่ปีสามใกล้จะจบเทอมแรกแล้ว
“อืม หนูแพรอย่าน้อยใจพ่อกับแม่เขานะลูกนักธุรกิจก็แบบนี้แหละต้องยุ่งเป็นธรรมดา…แต่ทั้งคู่รักหนูมากลุงรู้ดีที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อหนูเพื่อครอบครัวทั้งนั้น”
ดิเรกพยายามอธิบายให้ลูกสาวของเพื่อนรักฟังเขาเอ็นดูแพรวาอย่างกับลูกสาวแท้ๆเพราะคลุกคลีเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆดิเรกยังแอบหวังลึกๆอยากให้ลูกชายของเขาลงเอยกับแพรวาเขาจะได้หมดห่วง…
แต่ทว่าไอ้ลูกชายตัวดีกลับไม่เห็นด้วยกับเขามิหนำซ้ำยังทำแต่เรื่องให้เขากลุ้มใจไม่เว้นแต่ละวันโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้เตือนนักเตือนหนาว่าทำอะไรให้ระวังเพราะยังไงซะมาวินก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ใครรู้เข้ามันคงดูไม่ดีนัก
“แพรทราบค่ะ…คุณลุงไม่ต้องห่วงนะคะแพรไม่เคยเอาเรื่องนี้มาน้อยใจคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ…แพรอยู่คนเดียวได้อย่าลืมสิค่ะตอนนี้แพรอยู่ปีสามแล้วนะคะคุณลุง”
แพรวาหันไปยิ้มกว้างให้กับดิเรกและแคทเธอรีนแต่ก็ต้องหุบยิ้มลงฉับเมื่อเห็นใบหน้าเฉยชาของใครบางคนที่มองมา
“เก่งมากเลยลูก…ป้าดูคนไม่ผิดจริงๆ”
แคทเธอรีนยิ้มทิ้งคำพูดเป็นนัยๆไว้พร้อมกับหันไปสบตากับสามีของเธอ
“…”
“ตาวิน…ขากลับไปส่งน้องที่คอนโดด้วยนะ…แล้วเราน่ะเมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ซักทีหืม?”
แคทเธอรีนหันมากำชับลูกชายที่เอาแต่นั่งเงียบจนเธอรู้สึกขัดใจก่อนจะถามคำถามเดิมรอบที่ร้อยเรื่องให้กลับมาอยู่ที่บ้าน
“ครับ…”
“หึ!ขืนกลับมาอยู่บ้านมันก็ออกไปเที่ยวล่าเหยื่อไม่สะดวกซิคุณ…ดีเท่าไหร่แล้วที่วันหยุดมันกลับมากินข้าวกับเรา”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยแขวะขึ้นมาอย่างนึกหมั่นไส้ในความเหลวไหลของลูกชาย
“ผมอิ่มแล้ว…ขอตัวนะครับ”
มาวินลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างเซ็งๆทุกครั้งที่เจอหน้ากันพ่อแม่ท่านก็จะบ่นเรื่องความประพฤติของเขาอยู่ตลอด ถามว่าเขาเคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม? หึ เปล่าเลย…ก็ไม่รู้ว่าจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมา
ถึงเขาจะขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงแต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยยุ่งกับคนที่มีเจ้าของหรือบังคับฝืนใจใครต่างฝ่ายต่างเต็มใจด้วยกันทั้งคู่มันก็แค่สนุกกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแบบครั้งเดียวจบ…และเขาจะไม่กินของซ้ำเด็ดขาดถ้าไม่เด็ดจริงๆ ที่ผ่านมามาวินป้องกันตัวเองอย่างดีมาตลอดไม่เคยพลาดรับรองว่าน้ำเชื้อของเขาไม่มีทางจะกระเด็นติดใครไปอย่างแน่นอนมาวินเช็คแม้กระทั้งถุงยางที่เขาจะใส่และเขาต้องเป็นคนใส่มันเองกับมือทุกครั้งเพื่อความชัวร์…ถ้าผู้หญิงคนไหนคิดจะจับเขาล่ะก็บอกเลยว่ายาก
หลังจากจบอาหารมื้อเย็นที่เป็นแบบนี้ประจำตลอดระยะเวลาสี่ปีที่แพรวาต้องอยู่ตามลำพังคนเดียวมาวินก็ทำหน้าที่คนขับรถไปส่งหญิงสาวที่คอนโดฯตลอด
บรรยากาศภายในรถที่เงียบกริบชวนอึดอัดทำเอาแพรวารู้สึกเกร็งทุกครั้งใบหน้าคร้ามคมหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆออกมาเช่นเคย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องฝืนใจแค่ไหนที่ต้องมาส่งเธอทุกครั้งตามคำสั่งบิดามารดาบังเกิดเกล้า
“จอดให้แพรลงตรงนี้ก็ได้นะคะ…แพรไม่อยากรบกวนอาจารย์”
หญิงสาวร่างท้วมตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อรถแล่นออกมาหน้าปากซอยได้สักพัก
“ก็ไม่ได้รบกวนอะไร…ทางผ่านไปคอนโดฯผมอยู่แล้ว…”
“…”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นยะเยือกเฉกเช่นเดียวกับใบหน้าคมที่มองจ้องไปที่ท้องถนนโดยไม่เหลียวหันมาดูคู่สนทนาสักนิด มาวินจะใช้คำว่าฉันแทนตัวเองและเรียกหญิงสาวว่าเธอหรือไม่ก็เรียกชื่อเต็มๆเวลาอยู่ข้างนอกแต่เมื่ออยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเขาจะใช้คำว่าผมและคุณแทนเช่นเดียวกับนักศึกษาคนอื่นๆเพื่อไม่ให้ดูเป็นการเลือกปฏิบัติ
แพรวานึกถึงเรื่องเมื่อครั้งอดีต…ตอนนั้นอาจารย์มาวินหรือพี่วินของเธออ่อนโยนและน่ารักกับเธอเสมอก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่อเมริกาในช่วงมัธยมปลายซึ่งตอนนั้นแพรวาเพิ่งจะอายุสี่ขวบอยู่ชั้นอนุบาลอยู่เลย
‘พี่วินอุ้มน้องแพรหน่อยสิคะ…น้องแพรอยากให้พี่วินอุ้ม’
เด็กหญิงในชุดเอี๊ยมน่ารักถักผมเปียยาวทั้งสองข้างชูมือขึ้นเพื่อให้พี่วินของเธออุ้มทุกครั้งเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ของเธอมาทานข้าวที่บ้านของพี่วิน
‘มาครับ… วันนี้น้องแพรของพี่วินเป็นเด็กดีรึป่าวครับ?’
‘น้องแพรเป็นเด็กดีค่ะ…คุณครูบอกว่าน้องแพรเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน’
เสียงเด็กหญิงเจื้อยแจ้วช่างเจรจาตอบคำถามพี่ชายและมันเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ…
จนกระทั้งเวลาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง…หลังจากที่มาวินไปเรียนต่อเธอก็แทบไม่ได้เจอเขาอีกเลยมีบ้างนานๆครั้งตอนที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านแต่ระยะเวลาก็ได้ทำให้ความสัมพันธ์นั้นห่างไปด้วยโดยปริยายพี่วินคนเดิมของน้องแพรไม่มีอีกแล้วมีแต่อาจารย์มาวินผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งขั้วโลกอยู่ตอนนี้
“เป็นอะไร?”
มาวินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนข้างๆเงียบไป
“เปล่าค่ะแพรแค่คิดอะไรเพลินๆ…”
หญิงสาวตอบไปอย่างงงๆเพราะไม่คิดว่าเขาจะสนใจเธอ
“เธอคงดูออกนะ…ว่าพ่อกับแม่ของฉันกำลังคิดจะจับคู่เราสองคนมานานแล้ว…บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่กินคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวที่คุณแม่พยายามยัดเยียดให้เด็ดขาด”
เสียงทุ้มเรียบนิ่งเอ่ยออกมา
“แพรทราบค่ะ”
...............................................................................................................................................
ตอนแรกมาแล้วววว ถูกใจเม้นไลค์ได้นะคะไรท์ไม่ว่า อิ อิ
ปล.เดนนิสโองานดีเนอะหล่อโฮกกกก ปกติไรท์ชอบแนวฝรั่งมาเจอลูกครึ่งคนนี้ไรท์ให้สามผ่านเลยค่ะ อิ อิ