ภายในสถานีตำรวจไม่มีไฟฟ้าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นก็ไม่สามารถมีแสงสว่างใดๆ จากไฟได้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดยื่นมือไปแล้วมองไม่เห็นอะไรเลย แสงจันทร์ส่องผ่านช่องรั้วเหล็ก ทะลุกระจก ส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่าง ก็ยังถือว่าพอมีแสงบ้างในบางพื้นที่ แน่นอนว่า มันทำให้เฟิงปู้เจวี๋ยไม่เดินหยิบจับอะไรมั่วซั่วได้เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ก็ยังมืดอยู่ดี
เส้นทางที่เข้ามาในสถานีตำรวจเมื่อครู่นี้ เฟิงปู้เจวี๋ยแค่วิ่งก็ผ่านมาได้แล้ว อย่างแรกเพื่อป้องกันเจ้าศพโชกเลือดย้อนกลับเข้ามาในสถานีตำรวจ ข้อสองเพราะตรงนี้มันค่อนข้างสว่างสักหน่อย แสงลอดผ่านรูของกำแพงเข้ามาได้ ซึ่งทำให้เขามองเห็นทางที่เขาจะเดินไปด้านหน้า
พื้นที่ของชั้นหนึ่งกว้างมาก แต่เนื่องจากบริเวณที่มีแสงไฟมีไม่มากนัก เฟิงปู้เจวี๋ยจึงไม่สามารถค้นหาบันไดที่จะขึ้นไปยังชั้นสองได้ในเวลาอันสั้น เขาคลำหาเส้นทางในความมืด เมื่อคลำเจอลูกบิดประตูก็เปิดออก หากคลำเจอโต๊ะก็จะลองดูว่ามีลิ้นชักไหม แต่ก็ไม่พบของที่พอจะมีคุณภาพให้ใช้ได้เลย
เพราะมีข้อจำกัดในการมองเห็น ลางสังหรณ์ของเขาเริ่มทำงานขึ้น เขาได้กลิ่นลอยมาอย่างรวดเร็ว เป็นกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงมาก ......
เขาเดินตามกลิ่นนั้น ไปจนถึงมุมกำแพงดำด้านหนึ่ง เขายื่นมือไปคลำเจกอกับอะไรเหนียวๆ พอลากลงไปตามกำแพงเรื่อยๆ ก็เหมือนเขาจะคลำเจออะไรบางอย่าง เหมือนกับว่าจะเป็น ...... หัวกะโหลก? ศพเน่า ?
“อืม ...... ถูกตัดหัวไปงั้นเหรอ......?” ในตอนนี้เฟิงปู้เจวี๋ยคลำเจอศพร่างหนึ่ง ศพนี้ไร้หัว ส่วนที่เฟิงปู้เจวี๋ยคลำพบนั้นคือกระดูกสันหลังที่ต้นคอ
“ฉันยังนึกว่าทั้งเมืองจะไม่เจอคนเป็นแล้วก็คงไม่มีศพคนตายเสียอีก ...... นึกไม่ถึงที่นี่จะมีศพ ในสถานีตำรวจที่นี่ต้องมีลับลมคมในแน่นอน” เฟิงปู้เจวี๋ยบ่นพึมพำ
การคลำเจอศพไม่ได้ทำให้เขาตกใจเลย กลับกัน เฟิงปู้เจวี๋ยยังคงคลำมันต่อไปอย่างสงบนิ่ง แน่นอนว่า เขาไม่ได้ต้องการจะรู้ว่าศพนี้เป็นศพของเพศไหน แต่เขาต้องการรู้อาชีพของศพนี้ผ่านเครื่องแต่งกาย
ไม่นานนักเฟิงปู้เจวี๋ยก็คลำเจอดาวประดับยศบนบ่า นั่นทำให้เขารู้ในทันทีว่าชุดบนศพนี้คือชุดตำรวจ เขาไม่รอช้าที่จะสำรวจบนตัวศพ ...... เพียงไม่กี่วินาที เฟิงปู้เจวี๋ยก็พบปลอกใส่ปืน แต่เสียดายที่ด้านในนั้นว่างเปล่า เขาคลำไปตามข้อศอก ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเขาพบปืนสั้นที่บริเวณมือขวา
[ชื่อ: ปืนสั้น M1911A1]
[ประเภท: อาวุธ]
[คุณภาพ: ทั่วไป]
[พลังโจมตี: กลาง]
[คุณสมบัติพิเศษ: ไม่มี]
[ประสิทธิภาพพิเศษ: ไม่มี]
[เงื่อนไขไอเทม: ความชำนาญด้านการยิง F หรือ ควมชำนาญด้านอาวุธ F]
[หมายเหตุ: นี่ไม่ใช่การถ่ายหนังภาพยนตร์ ดังนั้นจงจำไว้สามเรื่อง เรื่องแรก ปลดเซฟตี้ก่อนยิง เรื่องที่สอง ต้องมีสมาธิก่อนออกแรง เรื่องที่สาม อย่าลืมใส่กระสุน]
เฟิงปู้เจวี๋ยนำปืนใส่เข้ากระเป๋า และสำรวจศพต่อไป เขาเจอกระบอกไฟฉายที่บริเวณเอวของศพ เขาดีใจมาก เขาหยิบมันขึ้นมาและลองเปิดปิด แต่ว่ามันไม่สว่าง เขาลองจับๆ ดู ถึงได้รู้ว่ากระจกของไฟฉายมันแตกหมดแล้ว
เฟิงปู้เจวี๋ยถอนหายใจ หากเทียบกับปืนแล้ว เขาหวังให้ไฟฉายใช้งานได้มากกว่า เพราะเขารู้ว่า ศพร่างนี้มันเป็นการเตือนอย่างดีว่า ในเมื่อมีปืนอยู่ในมือแล้วก็ยังถูกตัดคอไปอีก? มันชัดมากว่าคงใช้ปืนจัดการกับเจ้าศพโชกเลือดไม่ได้อย่างแน่นอน
หากมีไฟฉาย เฟิงปู้เจวี๋ยก็จะค้นหาอาวุธอื่นๆ ได้เร็วขึ้น แต่ในเมื่อมองอะไรไม่ชัดเหมือนเดิม เขาก็คงต้องคลำหาต่อไป ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็พบกุญแจพวงหนึ่งในกระเป๋าของศพ แล้วก็ไม่พบอะไรอีกเลย
เวลาในการคิดน้อยมาก คนข้างนอกก็คงยื้อไว้ได้อีกไม่นานนัก เฟิงปู้เจวี๋ยไม่มีทางเลือก ต้องรีบกลับออกไป ถึงแม้ปืนกระบอกนี้จะกำจัดเจ้าศพโชกเลือดไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่มีปืนเลย เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นอาวุธระยะไกลอย่างดี ตำรวจคนเดียวที่มีปืนกำจัดศพโชกเลือดไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากเฟิงปู้เจวี๋ยกลับออกไป พวกเขามีสามคน มีด ปืน โล่ คีม โจมตีได้ทั้งใกล้และไกล หากจะล้มศพโชกเลือดก็พอมีความหวังอยู่บ้าง
............
นอกสถานีตำรวจ หลงอ้าวหมินใกล้จะยื้อไม่ไหวแล้ว ……
ถึงแม้ว่าสกิลการบล็อกของเขาจะค่อนข้างดี ยกโล่ขึ้นมากันกรงเล็บของศพโชกเลือดได้ทุกครั้ง แต่ในสามนาทีนี้ ค่าพลังชีวิตของเขาก็ลดลงเหลือเพียง 64% เท่านั้น พูดได้เพียงว่ากำลังการโจมตีของศพโชกเลือดมันแกร่งมากจริงๆ
ในช่วงเวลานี้เอง หลงอ้าวหมินสู้ไปถอยไป ความจริงแล้วแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถึงแม้จะโดนตี ก็ยังมีโล่บล็อกอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ปัญหาอยู่ที่คุณสมบัติการป้องกันของ [เศษอัลตรอน] คือ “การหักเห” จะมีผลอย่างดียิ่งขึ้นกับการโจมตีระยะไกลและอาวุธลำแสง แต่หากต้านการโจมตีระยะสั้นแบบนี้ ไม่มีผลในการลดประสิทธิภาพการโจมตีอะไรเลย เมื่อเจ้าศพโชกเลือดใช้กรงเล็บโจมตีเข้ามา โล่จะรับประกันความปลอดภัยให้กับหลงอ้าวหมิน และสามารถลดกำลังการโจมตีได้บ้างเล็กน้อย แต่นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องใช้ค่าพลังชีวิตในการยื้อ
สติปัญญาของศพโชกเลือดนั้นต่ำมาก มันทำเป็นเพียงใช้มือในการตวัดโจมตีเท่านั้น ใช้ส่วนอื่นอย่างเท้าหรือคอไม่เป็นเลย รูปแบบการโจมตีทื่อมาก นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง ไม่งั้นต่อให้มีหลงอ้าวหมินอีกสักห้าคนก็ไม่น่ารอด ส่วนเจ้าศพโชกเลือดเมื่อเล็งเป้าหมายแล้วหนึ่งคนก็จะโจมตีแค่คนนั้นเลย ไม่ว่าหวังทั่นจือจะก่อกวนขนาดไหน อย่างมากมันก็หันไปตอบโต้บ้างหลังถูกลอบโจมตี ซึ่งบางทีก็ไม่สนใจเลย
ซึ่งทำให้หวังทั่นจือมีความกล้าขึ้นมาไม่น้อย กล้าที่จะบุกเข้าโจมตีในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยง แน่นอนว่า การโจมตีของเขามันมีประโยชน์น้อยมาก ใช้มีดปอกผลไม้ในการโจมตีใส่มอนสเตอร์นี่ มีดไม่หักก็บุญแล้ว
หลงอ้าวหมินก็อาศัยช่องโหว่นี้ ใช้คีมหนีบโจมตีเข้าไปบ้าง ซึ่งสามารถทุบเข้าไปบริเวณส่วนหัวได้ครั้งหนึ่ง มันมีผลมากกว่ามีดของหวังทั่นจือ แต่โอกาสในการโจมตีของหลงอ้าวหมินน้อยกว่าหวังทั่นจือมาก เพราะเวลาส่วนใหญ่ของหลงอ้าวหมินนั้นจะหมดไปกับการถอยและการป้องกันมากกว่า
ก่อนหน้านี้ที่เฟิงปู้เจวี๋ยมอบคีมหนีบให้กับหลงอ้าวหมินเขาไม่ได้คิดถึงประเด็นที่จะถูกขโมยไอเทมไปเลย สิ่งที่โผล่ในหัวของเขาตอนนั้นคือ ...... มีเพียงคนอย่างหลงอ้าวหมินเท่านั้น ที่จะสามารถถือคีมหนีบแล้วโจมตีไปยังบริเวณหัวของเจ้าศพโชกเลือดได้ ด้วยส่วนสูงของเขาและหวังทั่นจือที่สูงราว 180 เซ็น แล้วถือคีมหนีบไปโจมตีหัวของมอนสเตอร์ที่สูงราวสองเมตร ก็คงถูกเด้งออกมาอย่างไม่ต้องคิดเลย
แต่ก็ต้องนับว่ากินแรงหลงอ้าวหมินไปไม่น้อย เพราะกำลังโจมตีของอีกฝ่ายมันชัดเจนอยู่แล้ว หากต้องการโจมตีส่วนหัวแล้วต้องเสียสละตัวเองไปโจมตี มันไม่คุ้มแน่ๆ ยิ่งก่อนเฟิงปู้เจวี๋ยจะไปเขาบอกไว้แล้วว่าหาอาวุธเสร็จแล้วจะรีบกลับมาทันที หลงอ้าวหมินจึงเลือกที่จะเชื่อใจเขา ดังนั้น เขาจึงพยายามยื้อเวลาไว้ให้นานที่สุด
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้น เป็นการประกาศว่าเฟิงปู้เจวี๋ยได้กลับมาแล้ว
ทุกคนที่อยู่ในสนามต่างโล่งใจ ราวกับว่าหากเขากลับมา ทุกอย่างจะมีทางออก ดูเหมือนพวกเขาจะลืมไปแล้วว่า เฟิงปู้เจวี๋ยเป็นเพียงตัวละครเลเวล 5 เท่านั้น ……
ขณะที่เขาเหนี่ยวไกปืน เฟิงปู้เจวี๋ยก็ได้ปลดล็อกความชำนาญหนึ่งอย่าง นี่ถือเป็นความชำนาญอย่างที่สามหลังจากเขาได้เข้าเล่นด่านมา ถึงได้กล่าวว่าโหมดเล่นแบบทีมนั้นมันแตกต่าง ต้องผ่านการต่อสู้ที่มาก บวกกับสมาชิกที่เข้าเล่น บทสรุปของด่าน โดยเฉพาะกับผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำ โอกาสความเติบโตนั้นมีสูง เมื่อเข้าเล่นโหมดทีมเพียงครั้งเดียว ต่อให้ไม่ผ่านด่าน ก็จะได้รับอะไรดีๆ กลับไปแน่นอน
ในตอนนี้เอง เฟิงปู้เจวี๋ยก็มีความชำนาญระดับ F 5 ประเภทได้แก่ ใช้งานทั่วไป อาวุธ การสืบสวน การต่อสู้ การยิง ที่ใช้ได้ เหลือเพียงการรักษาเพียงอย่างเดียวที่ยังไม่ปลดล็อก
“โฮก ------” ศพโชกเลือดร้องคำราม ดูเหมือนกระสุนจากการยิงเมื่อครู่จะทำให้มันบาดเจ็บ มันถึงหันหลังกลับมา เปลี่ยนเป้าหมายในการโจมตีในทันที
เฟิงปู้เจวี๋ยยิงใส่บริเวณด้านหลังของเจ้าศพโชกเลือด ก่อนที่จะยิงเขาพร้อมมาก มือทั้งสองถือปืนขึ้นมา สายตาเล็งตามแนวปืนไปที่เป้าหมาย เขารู้ตัวเองดีว่า ในชีวิตจริงเขาก็ไม่ได้เป็นทหารพิเศษอะไรพวกนั้น หากครั้งแรกที่ถือปืนเขาเล็งไปที่บริเวณส่วนหัวแล้วยิงถูก เขาคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นหลงอ้าวเทียน (มังกรเย้ยฟ้า) แล้วละ ดังนั้น เขาจึงเลือกเล็งไปยังหลังของผีดิบ เพราะเป้าหมายมันกว้าง โอกาสถูกเป้าง่ายกว่า
แต่มันก็เป็นเกม ระบบยังไงก็ได้ทำการแก้ไขปรับเปลี่ยนทักษะอาวุธให้อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้เล่นใช้งานได้ง่าย ดังนั้น เฟิงปู้เจวี๋ยยิงปืนนัดแรกออกไป ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะยิงถูกส่วนหลังด้านขวาของศพโชกเลือด
หลังจากยิงปืนไปแล้ว เฟิงปู้เจวี๋ยก็เข้าใจความหมายของหมายเหตุข้อที่สองในทันที การยิงปืนแบบนี้ สำหรับประชาชนทั่วๆ ไปที่ไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อนแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เช่น กระทั่งผู้หญิงและเด็กยังรู้เลยว่าในทะเลทรายมีเหยี่ยว ถ้าไม่มีใครบอกคุณ ว่าขณะยิงปืนต้องเกร็งข้อมือ ช่วงไหล่จนถึงศอกจะเป็นส่วนที่รับน้ำหนักได้ดีที่สุด ยังไม่ทันที่จะได้ยิง แขนของคุณก็คงขาดไปแล้ว หรือ ในหนังแนวมาเฟียเรามักจะเห็นพวกนักเลงถือปืนอยู่บ่อยครั้ง มักหันกระบอกปืนขวาง ตำแหน่งของปืนสูงกว่าระดับสายตา จ่อไปยังหัวของคนอื่น ซึ่งมันดูโหดมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วปลอกกระสุนมีโอกาสที่จะกระเด็นใส่หน้าตัวคุณเอง
แรงยิงของปืน M1911A1 ในมือเฟิงปู้เจวี๋ยก็ไม่เบา หลังจากยิงออกไปแล้วเขารู้สึกเหมือนแขนชา ยังดีว่าท่าทางการยิงของเขาไม่จัดว่าแย่เท่าไร แขนก็ไม่อ่อนแรง เมื่อมีประสบการณ์แล้วในครั้งแรก ต่อไปก็ง่ายขึ้น ตัวเขาเองได้กะระยะยิง ความแม่นยำ ความสำเร็จ และอื่นๆ ไว้คร่าวๆ แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับเจ้าศพโชกเลือดที่กำลังพุ่งเข้าหาตัวเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็ถอยหลังไป
พอศพโชกเลือดหันหลังไป หลงอ้าวหมินก็ตั้งสติได้ ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ เขาดูเหมือนจะเห็นช่องทางแล้ว มอนสเตอร์ตัวนี้มันจะไม่เปลี่ยนเป้าหมายอะไรง่ายๆ ในเมื่อตอนนี้มันเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีเฟิงปู้เจวี๋ยแล้ว หากเขาจะเข้าโจมตีในครั้งต่อไป มันก็จะไม่สนใจ
ความโกรธแค้นที่กักเก็บเอาไว้มานานของหลงอ้าวหมินระเบิดขึ้น เขากระโดดขึ้น พร้อมกับยกคีมหนีบ ฟาดเข้าไปยังด้านหลังศีรษะของศพโชกเลือด ได้ยินเสียง ‘ปุ’ ทึบๆ ดังขึ้น มันคือเสียงของโลหะที่ทะลุจากเนื้อเข้าไปยังกะโหลกด้านใน ด้านหลังศีรษะของมันถูกฟาดจนทะลุเป็นรู กลายเป็นบาดแผลที่ค่อนข้างน่ากลัว กะโหลกด้านในแตกออกเป็นรอยลึก
แต่มอนสเตอร์ตัวนี้ยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว แต่กลับบ้าคลั่งมากขึ้น ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น มันหันหลังไปใช้กรงเล็บตวัดไปที่หลงอ้าวหมิน การโจมตีนี้มาอย่างกะทันหันมาก หลงอ้าวหมินยังไม่ทันได้ยกโล่ขึ้นบล็อก เอวก็ถูกตวัด จนลอยละลิ่วไปทั้งตัว ในคอรู้สึกถึงความหวาน เขากระอักเลือดสดๆ ออกมา
หลงอ้าวหมินถูกโจมตีจนถอยร่นไปเกือบสิบเมตร ค่าพลังชีวิตของเขาเหลือเพียง 12% และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในตอนนี้ แต่โชคยังดีตรงที่เพราะระยะใกล้เกินไปทำให้กรงเล็บของเจ้าศพโชกเลือดยังไม่ได้สัมผัสถูกตัวของหลงอ้าวหมิน เมื่อกี้มันแค่หมุนตัวมาแล้วแขนไปชนถูกหลงอ้าวหมินเท่านั้น ดังนั้นร่างกายจึงไม่มีบาดแผลฉีกขาด ไม่งั้นหลงอ้าวหมินก็จะต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานะ “เลือดไหล” อีก
เจ้าศพโชกเลือดใช้มือปิดไปยังแผลที่บริเวณศีรษะ ส่งเสียงเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที มันใช้สายตาที่โหดเหี้ยมจ้องไปที่หลงอ้าวหมิน และส่งเสียงคำรามกร้าว ดูแล้วการโจมตีคีมหนีบในครั้งนี้จะสร้างดาเมจการทำลายล้างไม่น้อยเลย ถึงทำให้รอง BOSS นี่รู้สึกถึงภัยคุกคามได้
โดดเดี่ยวและเหงาหงอยเห็นหลงอ้าวหมินล้มลง รู้ในทันทีว่าแย่แน่แล้ว ทั้งสองรีบวิ่งไปพยุงหลงอ้าวหมินขึ้นมา และพาให้ห่างจากเจ้าศพโชกเลือดมากที่สุด แน่นอน เจ้าศพโชกเลือดไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป มันค่อยๆ เคลื่อนตัวไปหาทั้งสามคนอย่างช้าๆ
ในตอนนี้เอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เงาของคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นราวกับสายฟ้า ปรากฏตัวด้านหลังร่างศพโชกเลือดอย่างรวดเร็วยื่นมือไปกดไหล่มันแล้วกระโดดขึ้นไปยังหลังของเจ้าศพโชกเลือด เข่าทั้งสองทิ่มลงบริเวณไหล่ของมอนสเตอร์
หวังทั่นจือทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด แม้แต่มอนสเตอร์ก็ยังตอบสนองไม่ทัน เขาใช้มีดแทงเข้าไปในแผลที่หลงอ้าวหมินใช้คีมหนีบโจมตี ปลายมีดทิ่มทะลุหัวกะโหลก หนองเหลวพุ่งออกมา ศพโชกเลือดส่งเสียงร้องดังโหยหวนทันที