****มาเฟียไร้รัก 7
****“ไม่เป็นอะไรมากครับคุณชาย เค้าไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงหรอกครับ” วิระที่ได้โทรศัพท์คืนจากวีรภาพไม่กี่วันก่อนก็ได้รับสายเจ้านายที่ไม่ได้ติดต่อมาสองสามเดือนและทราบข่าวว่าเจ้านายของตนเองกำลังจะแต่งงานกับคุณน้ำและอยากให้วิระกลับไปงานแต่งด้วย แล้วยังถามเรื่องของวีรภาพกับตนเองที่คงจะรู้จากนายใหญ่และนายหญิง
**/หึ!! มันอ่อนโยนเป็นด้วยเหรอ/
**“อย่าพูดเหมือนว่าไม่รู้จักเค้าสิครับคุณชาย”
**/เพราะฉันรู้จักมันดีไงถึงพูด ยังไงเดี๋ยวฉันจะส่งการ์ดแต่งงานไปให้นะ/
**“ได้ครับคุณชาย”
**พอวางสายจากคุณชายที่คุยอีกสักพักวิระก็ถอนหายใจออกมา งานแต่งของคุณชายอี้เฟิง วิระจะไปได้ยังไง แค่ตอนนี้เดินออกจากห้องได้ก็ดีแล้ว แม้วิระและวีรภาพจะตกลงกันเรื่องที่จะปรับความเข้าใจกัน แต่วีรภาพยังยืนกรานที่จะไม่ให้วิระออกไปนอกห้องแถมยังให้เฟยคอยเฝ้าตนเองไว้อีก มันต่างจากตอนโดนขังตอนไหนวิระไม่เห็นความแตกต่างเลยสักนิด
**“จะไปไหนวิระ” พอวิระแต่งตัวจะออกไปซุปเปอร์ข้างๆ เฟยที่เห็นก็รีบเดินเข้ามาขวางประตูทันที
**“จะไปซุปเปอร์ข้างๆ”
**“แต่นายสั่งว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากให้นายออกจากห้อง”
**“แต่ฉันอยากไป โทรบอกเจ้านายของนายสิ” วิระบอกอย่างเบื่อหน่าย ก่อนเฟยจะกดโทรออกหาเจ้านายและรายงานเรื่องที่วิระจะออกไปซุปเปอร์ คุยกันเพียงสักครู่เดียว เฟยก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมายื่นให้วิระที่ยืนงงอยู่
**“เอาเสื้อคลุมมาทำไม ไปแค่ซุปเปอร์ใกล้ๆเองเฟย”
**“นายบอกให้พานายออกไปที่ห้างเลย เพราะนายจะพานายออกไปทานข้าวด้วย”
**“ยุ่งยากจริงๆ” วิระบ่นแต่ก็ยอมสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ทับอีกตัว ก่อนจะเดินนำเฟยออกไปที่ลานจอดรถ พอขับมาถึงห้างวิระก็บอกเฟยให้พาไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างสุดของห้างก่อน วิระอยากได้ของไปติดไว้ในห้อง เพราะของที่วีรภาพให้ลูกน้องเอามาไว้ในตู้เย็นวิระทานไม่ได้สักอย่าง แม้จะเคยชอบตอนยังปกติก็เถอะ
**“เฟย นายเลิกเดินตามฉันเถอะ ฉันอยากซื้อของเงียบๆ คงไม่มีอะไรในชั้นนี้หรอก” วิระบอก แต่เฟยยังยืนนิ่งไม่ขยับออกไปตามที่วิระบอก
**“ฉันไม่หนีหรอก ไปนั่งรอก็ได้ ฉันอยากเดินเล่นเงียบๆคนเดียว”
**“ก็ได้ แต่ถ้าเสร็จแล้วเรียกฉันนะ ฉันจะรออยู่ตรงนี้” เฟยยอมตกลงที่จะรออยู่ข้างนอก และเดินไปรอตรงที่นั่งไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไร วิระเองก็เดินเข้าไปดูของเรื่อยๆ แม้จะอยู่ในช่วงเหม็นขี้หน้าของวีรภาพแต่วิระก็เผลอหยิบแต่ของที่วีรภาพใส่รถจนเต็มไปหมด ก่อนที่จะเดินไปดูโซนผลไม้เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทานได้โดยไม่แพ้
**หมับ!!
วิระที่จะหยิบส้มขึ้นมาดูแต่หยิบโดนพร้อมกับใครไม่รู้เลยหันไปขอโทษเบาๆ
**“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมหยิบลูกอื่นก็ได้” วิระบอกแต่ผู้ชายที่หยิบพร้อมวิระกลับยื่นส้มมาให้วิระพร้อมรอยยิ้ม
**“ผมให้ครับ”
**“เอ่อ… ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหยิบลูกอื่นดีกว่า”
**“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เพราะถือว่าขอโทษที่วันนั้นผมล่วงเกินคุณ จำได้มั้ยครับที่เราเจอกันที่คลับ” วิระที่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็ก้าวถอยหลังไปก้าวนึงเมื่อนึกออก
**“กลัวผมเหรอครับ”
**“เปล่าครับ แค่ไม่ชอบเข้าใกล้คนแปลกหน้า”
**“ฮะๆ ระวังตัวจังเลยนะครับ น่ารักดี ผมชื่อเสี่ยวหานครับ แล้วคุณล่ะ”
**“ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอกนะครับ เพราะคงไม่เจอกันอีก ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ” วิระบอก ก่อนจะเดินอกมาจากตรงนั้น แต่ก็ยังได้ยินผู้ชายคนนั้นส่งเสียงตามหลังมา
**“เราต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดูสิ หึหึ”
**“รู้สึกแปลกๆยังไงแล้วสิ เฮ้อ!!” วิระพูดกับตัวเองเบาๆ เพราะตนเองถูกฝึกให้สังเกตคนมาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าการเจอผู้ชายคนเมื่อกี้มันให้ความรู้สึกระแวงและรู้สึกว่าคนๆนั้นอันตราย แม้รอยยิ้มจะดูไม่มีพิษมีภัย แต่วิระรู้ดี ว่าคนที่ยิ้มดูบริสุทธิ์มักจะซ่อนความร้ายกาจไว้มากแค่ไหน
**หมับ!!
“เหม่ออะไรอยู่แถวนี้ ให้ตายสิ” แรงกระชับที่ช่วงเอวเบาๆ ทำให้วิระหันไปมองคนที่เข้ามาเงียบๆ วีรภาพที่กำลังมองหน้าวิระดุๆ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นวิระอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
**“มากอดอะไรตรงนี้ อายคนอื่นเค้าบ้างวีร์” วิระเอามือของวีรภาพที่กอดตนเองอยู่ออก ก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากรถเข็นแล้วส่งสายตาให้วีรภาพเป็นคนเข็นแทนซึ่งวีรภาพก็ยอมเข็นไปคิดเงินอย่างไม่พูดอะไร แต่พอคิดเงินเสร็จก็เอาของทุกอย่างให้เฟยเอาไปเก็บที่รถ ส่วนตนเองก็พาวิระไปอาหารที่ร้านโปรดของวิระ
**“เดินนานขนาดนั้นปวดเท้ารึเปล่า” วีรภาพถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะกะเวลาที่วิระเดินซื้อของก็กลัวว่าจะเมื่อยเท้า เพราะหนังสือที่เกี่ยวกับคนท้องที่วีรภาพซื้อมาอ่านนั้นบอกว่าคนท้องมักเดินนานๆไม่ดี
**“ไม่ หยุดทำหน้ากังวลได้แล้ววีร์ ฉันหิวแล้ว”
**“เฮ้อ… ฉันแค่เป็นห่วงนายนะวิระ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลย เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะพูดดีๆต่อกัน”
**“ขอโทษ ฉันแค่หิวจนหงุดหงิด”
**“ครับ งั้นเราสั่งอาหารกันเถอะ เดี๋ยวจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้” วีรภาพบอกก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร ซึ่งวิระก็สั่งมาแค่อย่างเดียวและสั่งเผื่อวีรภาพด้วยความลืมตัว ทำเอาวีรภาพรู้สึกดีใจขึ้นมานิดๆ ที่วิระยังไม่ลืมว่าวีรภาพชอบอะไรไม่ชอบอะไร
**“วีร์ เลิกให้เฟยดูแลฉันแล้วให้กลับไปทำงานได้แล้ว ฉันอยู่คนเดียวได้” หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟและทานไปได้สักพักวิระก็เอ่ยความต้องการของตนเองออกมาหลังจากที่คิดมาได้อาทิตย์ วิระไม่ค่อยได้ออกไปไหน เฝ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ควรกลับไปช่วยงานของวีรภาพมากกว่า
**“ไม่ได้มันอันตราย”
**“อะไรคืออันตราย ฉันไม่มีศัตรูนะวีร์”
**“เฮ้อ… ขอคิดดูก่อนแล้วกันว่าจะเอายังไง” วีรภาพบอกเมื่อเห็นว่าวิระเริ่มทำท่าทีหงุดหงิด การที่วีรภาพให้เฟยดูแลวิระช่วงนี้ เพราะกลัวว่าเสี่ยวหานมันจะทำอะไรวิระตอนวีรภาพไม่อยู่ จะพาไปบริษัทด้วย ก็กลัววิระจะอยู่เฉยๆไม่ได้ คงจะเดินหางานทำจนได้ การให้อยู่ที่ห้องคือสิ่งที่ดีที่สุด แม้จะดูอุดอู้ไปบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยวีรภาพต้องยอมให้วิระหงุดหงิดใส่
**“ฉันไม่หนีหรอก”
**“รู้ครับ”
**“แล้วอีกสองอาทิตย์จะกลับไทยไปงานแต่งคุณชายนะ บอกไว้ก่อน”
**“ไม่ให้ไป” วีรภาพบอกเสียงเข้ม เค้ารู้ดีว่าตอนนี้อี้เฟิงมันกำลังจะแต่งงานกับธารา หัสบดินทร์ แถมยังเกือบตายเพราะคนในตระกูลนั้น แต่ว่าวีรภาพไม่สนใจที่จะไปงานมันหรอก จะบอกว่ายังรู้สึกไม่ชอบใจเรื่องมันกับวิระอยู่ก็ได้ และเค้าก็ไม่อยากให้มันกับวิระเจอกันด้วย!!!
**“จะไป งานแต่งคุณชายทั้งทีไม่ไปได้ไง”
**“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ นายท้องอยู่นะ จะเดินทางไปไหนมาไหนแบบตอนยังไม่ท้องได้ยังไงมันอันตราย”
**“……..”
**“เฮ้อ.. กลับกันเถอะถ้าไม่ทานอะไรต่อ วันนี้นายเดินเยอะมากพอแล้ว เดี๋ยวตกดึกจะเป็นตะคริว” วีรภาพบอกก่อนจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล วิระที่มองหน้าวีรภาพอย่างตัดเพ้อ เพราะรู้ดีที่วีรภาพไม่ให้ไปเพราะวีรภาพยังไม่ลืมเรื่องนั้น แค่คิดแบบนี้วิระก็รู้สึกปวดใจที่เหมือนวีรภาพยังไม่เชื่อใจว่าวิระไม่ได้มีอะไรกับคุณชายมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องเลยสักนิด
**“อย่าทำหน้าแบบนี้ ฉันเป็นห่วงถ้านายนั่งเครื่องนานๆ” วีรภาพที่กอดไหล่วิระออกมาจากร้านกระซิบเบาๆ เพราะสายตาที่มองตนเองอย่างน้อยใจ ทำให้รู้ว่าวีรภาพทำให้วิระเสียใจอีกแล้ว……….
**วีรภาพมองวิระที่หลับสนิทอยู่บนโซฟาก่อนตนเองจะค่อยๆอุ้มวิระไปที่เตียงอย่างเบามือ และก็นั่งลงข้างเตียงเพื่อมองวิระที่หลับอยู่พร้อมรอยยิ้มบางที่เกิดขึ้น มือของวีรภาพก็นำไปทาบไว้ที่ท้องวิระอยู่แบบนั้น ความรู้สึกตื้นตันที่มีสายเลือดของตนเองอยู่ในท้องของคนที่รักที่สุด เป็นผลผลิตจากความรักของเราสองคน มันยิ่งทำให้วีรภาพรู้สึกอบอุ่นใจ
**“เป็นเด็กดีของแม่นะครับ” วีรภาพเอ่ยบอกลูกในท้องและพรมจูบผ่านเสื้อผ้าของวิระไปเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาห่มผ้าและจูบหน้าผากวิระเบาๆ แล้วปิดไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ ตั้งแต่กลับมาที่ฮ่องกงในครั้งนี้ งานทุกอย่างที่เป็นของอี้เฟิง ถูกโยนมาให้วีรภาพทั้งหมด ส่วนอี้เฟิงก็รับดูแลงานในไทยไป เพราะอีกไม่นานอี้เฟิงก็แต่งงานกับทายาทหัสบดินทร์แล้ว คงไม่สนใจที่จะกลับมา แต่ก็ดี เค้าไม่ชอบให้มันเข้าใกล้วิระ!
**“นายครับ สายข่าวของเราบอกว่า เสี่ยวหานยังตามหาข้อมูลวิระไม่เลิกเลยครับ” เฟยเข้ามารายงาน เมื่อได้รับรายงานว่า เสี่ยวหานเริ่มเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวิระอีกครั้งหลังจากที่มันพยายามหาข้อมูลของวิระอย่างระเอียด แต่ในตระกูลหยาง ข้อมูลของคุณชายอี้เฟิง เจ้านายของเค้า วิระและเฉิน เป็นข้อมูลที่นายใหญ่ไม่เคยเผยแพร่ออกไป มีเพียงข้อมูลพื้นฐานเล็กน้อยเท่านั้น เพราะทั้งสี่คนเติบโตมาด้วยกัน ทำให้ข้อมูลของทุกคนค่อนข้างเป็นความลับ
**“หึ!! สงสัยมันอยากตาย”
**“ตอนนี้วิระกำลังตั้งท้อง ผมเกรงว่าจะอันตรายถ้าเรายังไม่รีบจัดการมัน”
**“ฉันรู้ ฉันคิดวิธีที่จะจัดการมันไว้แล้ว นายติดต่อเจ้าหรานให้ฉันหน่อย บอกว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ”
**“เจ้าหรานเหรอครับ”
**“ใช่ มันติดหนี้บุญคุณฉันอยู่ วิระกำลังท้อง ฉันไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อนเลือด ฉันจะยืมมือเจ้าหลานมาจัดการมัน หึ!!” ตระกูลหยางทำธุรกิจถูกกฎหมายก็จริง แต่การที่เป็นมิตรกับมาเฟียในที่มืดมันก็มีประโยชน์ เมื่อหลายปีก่อนวีรภาพเคยช่วยชีวิตของเจ้าหรานที่โดนไล่ยิงจนเกือบตายไว้ที่ประเทศไทย และมันก็บอกเองว่าถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับด้านมืดมันจะเข้ามาจัดการให้เอง ตอนนี้วีรภาพไม่ได้กลัวไอ้เสี่ยวหาน เพราะมันก็เป็นแค่มาเฟียที่เพิ่งเข้ามาขยายอำนาจในประเทศนี้ แต่วีรภาพไม่ไว้ใจถ้าหากมันคิดจะทำอะไรวิระและลูกขึ้นมา วีรภาพคงทนไม่ได้หากทั้งสองชีวิตนี้เป็นอะไรไป….
**“ผมจะทำการติดต่อเจ้าหรานไปครับ ว่านายต้องการพบ”
**“บอกมันว่าเร็วๆด้วย ฉันไม่ชอบรอ”
**“ครับนาย”
**“วันนี้ไปพักได้แล้ว อย่าลืมเรื่องคัดคนที่ไว้ใจได้มาคอยเฝ้ารอบๆคอนโดด้วยนะเฟย”
**“ครับนาย”
**หลังจากเฟยออกไปวีรภาพก็นั่งอ่านเอกสารอีกสักพัก พอมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เกือบจะตีสามแล้ว วีรภาพควรจะเข้านอนได้แล้ว เพราะช่วงบ่ายของพรุ่งนี้วีรภาพต้องเข้าประชุม พอเดินเข้ามาในห้องนอนก็เห็นวิระนอนหลับสนิทอยู่ ตนเองก็เข้าไปนอนกอดและหลับตาลง แค่ได้นอนกอดวิระก็รู้สึกดีจนหลับสนิทไป รู้สึกตัวอีกทีแสงแดดก็สาดเข้ามาในห้องแล้ว พร้อมกับฝ่ามือของวิระที่ตบแก้มของวีรภาพซ้ำๆอย่างนั้น ไม่ได้เต็มแรงที่จะทำให้เจ็บแต่ก็ไม่ได้เบามือแม้แต่น้อย หน้าหงุดหงิดของวิระที่จ้องมา ทำให้วีรภาพที่เพิ่งตื่นไม่ค่อยเข้าใจว่าวิระหงุดหงิดอะไร
**“ตัวร้อน!!!”
**“หือ? ตัวร้อนอะไร”
**“นายตัวร้อน เมื่อคืนนอนตอนไหน”
**“เกือบๆตีสาม”
**“ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง ลุกขึ้นมาล้างหน้าแล้วออกไปทานข้าวเดี๋ยวนี้เลย” วิระบอกก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ตอนวิระรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วก็พบว่าวีรภาพที่นอนกอดตนเองอยู่ตัวอุ่นๆ แต่พอเอามือทาบกับหน้าผากก็เหมือนว่าวีรภาพจะมีไข้เล็กน้อย เลยลุกขึ้นมาเตรียมข้าวต้มกับยาไว้ แต่วีรภาพก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเสียที วิระเลยเข้าไปปลุก กว่าจะรู้ตัววิระก็เอามือฟาดแก้มไปเป็นสิบๆที ถึงจะตื่นขึ้นมาได้
**“ขอโทษ เมื่อคืนอ่านเอกสารเพลินไปหน่อย” วีรภาพที่ล้างหน้าเสร็จก็เดินออกมากอดวิระที่กำลังยืนเทน้ำชาใส่แก้วให้ตนเองอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้วิระหงุดหงิด
**“ถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ นายจะดูแลฉันได้ยังไงวีร์”
**“ขอโทษ วันหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
**“ไปนั่งได้แล้ว ทานข้าวจะได้ทานยา วันนี้ไม่ให้กินกาแฟ เพราะนายไม่สบายต้องพักผ่อนเยอะๆ”
**“วันนี้มีประชุม พักไม่ได้หรอกวิระ”
**“งั้นฉันจะไปด้วย ไม่ต้องห้ามด้วยนะ ฉันไม่ฟัง” วิระบอกก่อนจะลงมือทานข้าวต้มฝีมือตนเอง ส่วนวีรภาพก็ได้แต่นั่งถอนหายใจเบาๆ กับความดื้อรั้นของวิระที่มีมากกว่าปกติ และก็คงห้ามอะไรไม่ได้ นอกจากตามใจ
******“นั่งรออยู่ในห้องนะ อย่าออกไปไหนล่ะ” วีรภาพบอกวิระหลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาในบริษัทแล้ว วันนี้วีรภาพต้องร่วมประชุมใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ก็เป็นห่วงวิระที่ต้องอยู่คนเดียว
**“ฉันเคยทำงานที่นี่มาก่อนนะวีร์ ไปประชุมได้แล้ว”
**“เฮ้อ.. อย่าออกไปไหนนะ”
**“ไปได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว” วิระบอกเสียงเข้ม วีรภาพเลยต้องออกไป เพราะถึงเวลาประชุมแล้วจริงๆ พอวีรภาพออกไปจนพ้นสายตา วิระก็มองไปรอบๆห้องทำงานของวีรภาพที่ตนเองก็ไม่ได้เข้ามาหลายปีแล้วเหมือนกัน ห้องนี้ถูกปล่อยทิ้งไว้ตั้งแต่เกิดเรื่อง นายหญิงและนายใหญ่สั่งห้ามให้ทุกคนห้ามเข้ามา วิระเดินมองรอบๆ ก่อนจะเห็นรูปถ่ายที่ใส่กรอบไว้อย่างดี รูปถ่ายที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี รูปนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม รูปของวิระและวีรภาพที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันตอนคบกันใหม่ๆ พอคิดไปถึงตอนนั้นวิระก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
**วีรภาพในช่วงนั้นคือพี่ใหญ่ที่ดูแลทุกคนมาอย่างดี แม้กระทั่งคุณชายอี้เฟิงที่ตอนนั้นก็ติดวีรภาพแบบสุดๆ จนเกิดเรื่องเข้าใจผิด วีรภาพตัดขาดจากทุกคนและกลายเป็นคนไร้เหตุผล เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้วิระรู้สึกได้ว่าวีรภาพคนเก่ากำลังกลับมา วีรภาพที่เป็นที่พึ่งได้ และคนรักที่แสนดี
**“ลงไปร้านเค้กข้างๆดีกว่า รู้สึกหิวของหวานๆยังไงไม่รู้” หลังจากที่นั่งๆนอนๆมาสักพัก วิระก็รู้สึกหิวของหวานๆและต้องการที่จะกินทันที ดูเวลาก็อีกนานที่วีรภาพจะกลับเข้ามา วิระไปแปปเดียวคงไม่เป็นอะไร อีกอย่างร้านก็อยู่ข้างๆนี่เอง
**“อ้าว คุณวิระ หายไปนานนะคะ” เจ้าของร้านที่คุ้นเคยทักทายขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าประจำที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆอย่างวิระเดินเข้ามา
**“ครับ พอดีเพิ่งกลับมาจากประเทศไทย ขอชาเขียวเย็นสักแก้วนะครับแล้วก็ชีสเค้กบูลเบอร์รี่อีกชิ้นด้วยนะครับ”
**“ได้ค่ะ เดี๋ยวให้เด็กไปเสิร์ฟที่โต๊ะนะคะ”
**“ขอบคุณนะครับ” วิระบอกก่อนจะเดินไปนั่งในมุมที่เงียบๆหน่อย เพียงไม่นานพนักงานก็มาเสิร์ฟของที่สั่ง วิระก็นั่งกินไปด้วยก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดข่าวอ่านนู้นอ่านนี่ ชีวิตที่เคยยุ่งมาตลอด พอว่างๆแบบนี้มันค่อนข้างน่าเบื่อ แต่วิระก็ไม่กล้าทำอะไรหนักๆ เพราะกลัวกระทบกระเทือนถึงลูก
**ครืน~ ครืน~~~
**“….” วิระเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็กดรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปจนปลายสายเป็นถามขึ้นเอง
**/อยู่ไหน/
**“ร้านเค้ก”
**/บอกแล้วไงว่าให้รอ เฮ้อ… เดี๋ยวลงไปหานะ อย่าไปไหนล่ะ/
**“อื้อ” วิระกดวางก่อนจะนั่งกินเค้กต่อ ไม่เกินห้านาที วีรภาพคงมาอยู่ตรงหน้าแน่นอน และวิระก็คงโดนดุที่ออกมาแบบนี้ แต่วิระหิวไงแค่ออกมากินเค้กเอง ทำเหมือนวิระอ่อนแอไปได้ เหอะ!!!
.....................................................................................
******************************************************************************************************************************************************************************************