“แน่ใจหรอกครับ”ชัชไม่ค่อยอยากจะเชื่อเจ้านายสักเท่าไหร่
“เออ สิวะ”เมื่อคิดว่าจะมีคนมาจีบผู้หญิงที่ตัวเองตีตัวออกห่างมันทำให้ใจเขานั่นร้อนรุ่มหงุดหงิดแปลกๆ ขนาดอยู่แต่ในบ้านแท้ๆยังหาเหยื่อได้ มันน่าหงุดหงิดใจจริงๆ
“ผมว่าก็ดีนะครับ คุณภูมิก็น่าจะดูแลคุณกวางได้”ริวที่รู้สถานการณ์ตอนนี้ดีพูดขึ้น
“อย่าพูดมากได้ไหมลำคาน”คนที่ทนฟังไม่ไหวบอกลูกน้องขึ้น วางปากกาเสียงดัง ปัก ลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง
“เจ้านายไปไหนครับ”ลูกน้องทั้งสองคนรู้ว่าตอนนี้อารมณ์เจ้านายตัวเองไม่ปกติ
“กลับบ้าน”ทั้งสองคนอ้าปากเหวอ ตามอารมณ์ไม่ทัน แต่ก็แค่แปบเดียวก็หันมามองหน้ากันแล้วก็อมยิ้ม
“ทำไมวันนี้กลับไวล่ะครับ”หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นเจ้านายทำงานหนักกลับบ้านดึกทุกวันแถมยังออกจากบ้านมาแต่เช้าอีก เหตุผลไม่ต้องบอกพวกเขาสองคนรู้ดี
“อยากกลับมีอะไรไหม”ร่างใหญ่เดินออกจากห้องทันทีแล้วก็ขับรถตรงกลับไปที่บ้าน พอมาถึงก็สอดส่องสายตามองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นแบบนี้ มองหาทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอ และคิดว่าเธอคงอยู่บนห้อง
อัศวินเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูของคนที่เขาไม่ได้เจอหน้ามาหลายวัน คิดอยู่ในใจว่าทำไมเธอต้องทำให้เขาเป็นแบบนี้ แค่คิดว่าเธอจะมีคนมาจีบมันก็ทำให้เขาอยู่ไม่สุข อาการนี้อาจจะเป็นอาการของคนหวงของที่ยังไม่เคยได้รึไง
ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเข้าห้องตัวเอง เดินออกมานอกระเบียบอย่างเงียบๆ ก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆดังมาจากห้องข้างๆ หันไปดูก็เห็นร่างเล็กแต่อวบอิ่มกำลังเล่นโยคะอยู่ ท่าที่เธอทำอยู่มันทำให้หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่จนล้นตัวของเธอทะลักออกมาจากสปอร์ตบรา
อัศวินยืนมองร่างเล็กที่เล่นโยคะท่าโน้นท่านี้อย่างเพลิดเพลินโดนที่เจ้าของร่างไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีคนแอบมอง จนกระทั้งเสียงโทรศัพท์ของอัศวินดั้งขึ้นนั่นจึงทำให้ร่างบางหันไปมอง ระเบียงห้องทั้งสองอยู่ติดกันเลยก็ว่าได้มีแค่ราวเล็กๆขวางกั้นและก็ไม่สูงมาก สามารถข้ามมาหากันได้
“คุณ”กรรณิกาเห็นคนที่ยืนกอดอกมองแล้วก็ตกใจ เพราะเขาหายหน้าไปตั้งหลายอาทิตย์แต่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ตรงนี้ ส่วนคนที่โดนจับได้ว่าแอบมองได้แต่หงุดหงิดกับโทรศัพท์เจ้าปัญหา หยิบขึ้นมาดูก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ฮัลโหล มีอะไรวะ”อัศวินเลิกสนใจหน้าตื่นๆของร่างเล็กเดินเข้าห้องรับโทรศัพท์หน้าตาเฉย
“อย่าลืมนัดนะเว้ย”
“เออ ไม่ลืมมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม”
“ป่าว นายกลับบ้านรึยัง”
“อืม”
“คุณกวางอยู่ไหม ฉันอยากคุยกับคุณกวางสักหน่อย คิดถึง”มือกำโทรศัพท์ที่แนบหูแน่น นึกอยากจะจัดการทั้งเพื่อนรักและแม่คนเสน่ห์แรงที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นแบบนี้
“ไม่ให้คุยโว้ยแค่นี้”คนที่เผลอแสดงอาการใส่เพื่อนก็รีบวางสาย
“นี่เราเป็นบ้าอะไรวะ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว”อัศวินสบถด่าตัวเอง ทั้งที่เขาพยายามถอยห่างจากเธอแล้ว แต่ทำไมถึงทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขารักหรือชอบเธอหรอกนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะตอลดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามจะมีความรักแต่ก็มีไม่ได้ เพราะเขารักคนอื่นไม่ได้ แต่กลับผู้หญิงคนนี้มันต่างออกไป เธอทำให้เธอร้อนรนกระวนกระวายได้
ฝ่ายหญิงสาวเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าห้องก็รีบเก็บอุปกรณ์เข้าห้องตัวเอง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ไม่เห็นหน้าเขาตั้งหลายอาทิตย์พอมาเห็นหัวใจเจ้ากำกับเต้นแรงกว่าเดิมสะงั้น
“นี่เราเป็นอะไร”กรรณิกาเอามือทาบตรงตำแหน่งหัวใจ รีบสะลัดความคิดออกจากหัวแล้วเดินไปอาบน้ำกลับมานั่งทำงานต่อ จนกระทั้งเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ตอนมีคนมาเคาะประตูห้อง
“คุณกวางคะ คุณกวาง เป็นอะไรรึเปล่าคะ”ร่างเล็กสะลึมสะลือตื่นแล้วเดินไปที่หน้าประตู
“ค่ะป้า มีอะไรรึเปล่าคะ”
“นี่นอนแล้วเหรอคะ ป้าก็นึกว่าไม่สบายไม่เห็นลงไปทานข้าว”
“อ่อ กวางเผลอหลับค่ะ นี่กี่โมงแล้วคะ”
“สามทุ่มแล้วค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั่นก็ตกใจ นี่เราหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอ
“แย่จริง”
“จะลงไปท่านข้าวไหมคะป้าจะเตรียมให้”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าเดี๋ยวกวางลงไปหากินเองป้าไปพักเถอะค่ะ”กรรณิกามองป้านิ่มด้วยความซาบซึ่งใจ
“ของกินอยู่ในครัวนะคะป้าทำไว้แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะป้า”เมื่อพูดคุยกันเสร็จกรรณิกาก็เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อหาอะไรกินตื่นมากลางดึกแบบนี้ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน มองรอบๆบ้านกลัวจะเจอเจ้าของบ้าน
“ป่านนี้เขาคงจะนอนแล้วมั้ง”บ่นพึมพำกับตัวเอง
ตอนเช้า
“ชัช วันนี้เข้าไปตรวจงานที่ไร่ด้วยนะ”
“ครับ”คำสั่งของเจ้านายทำให้ลูกน้องอย่างชัชและริวมึนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะปกติเจ้านายของเขาจะเข้าไปตรวจงานในไร่ด้วยตัวเอง แล้ววันนี้จะไปไหน แต่ไม่นานความสงสัยของทั้งสองคนก็กระจ่าง
“ป้านิ่มขึ้นไปตามกรรณิกาทีบอกว่าแต่งตัวด้วยจะออกไปข้างนอก”ลูกน้องทั้งสองคนหันมองหน้ากันอีกรอบ เจ้านายจะพาคุณกวางออกไปข้างนอก เขาสองคนนึกว่าเจ้านายจะตัดใจแล้วสะอีก แล้วเรื่องของเธอที่เจ้านายให้สืบเขาก็ไม่ได้รายงานเพราะไม่ถาม แล้ววันนี้มันอะไร
“ค่ะคุณเสือ”มีไม่กี่คนที่จะได้เรียกชื่อเล่นของอัศวินหนึ่งในนั่นก็มีป้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของที่นี่และลูกน้องอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากับครอบคัวและเพื่อนสนิทเท่านั่น อยู่ที่เมืองไทยเขาชื่อเสือส่วนอยู่ที่บ้านเกิดจะชื่อไทเกอร์แล้วแต่ใครจะเรียกแต่คนไม่สนิทจริงๆต้องเรียกเขาว่าอัศวิน
“เจ้านายจะไปไหนเหรอครับ”ริวอดไม่ได้ที่จะถาม อัศวินเหลือบตาขึ้นมองลูกน้องทั้งสองคน สองคนนี้มันรู้ใจเขาไปสะทุกอย่างแม้จะทำตัวสุภาพกับเขาแค่ไหนแต่พวกมันก็ไม่เคยเก็บความสงสัยไว้ได้นาน
“ข้างนอก ”อัศวินบอกแค่สั้นๆ นั่นคือการจบบทสนทนา
“คุณกวางมาแล้วค่ะ จะให้ป้าตั้งโต๊ะเลยไหมคะ”คนที่โดนตามยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างหลัง
ดีที่วันนี้เธอตื่นแต่เช้า ถึงเมื่อคืนจะนอนไม่ค่อยหลับก็เถอะเพราะตื่นขึ้นมาก็สามทุ่มแล้ว ตอนที่ป้านิ่มเดินขึ้นไปเรียกบอกว่าเจ้านายของป้าให้เรียกลงไปทานข้าวและให้แต่งตัวออกไปข้างนอกเธอตกใจมาก เขาจะมาไม้ไหน
“ครับ”อัศวินพูดแค่นั่นป้านิ่มก็เดินเลี่ยงไปทางห้องครัว
“ป้านิ่มให้กวางไปช่วยนะคะ”เป็นเพราะไม่อยากอยู่ให้เขาจ้องเธอเลยรีบเดินตามป้านิ่มเข้าไปในครัวเพื่อยกอาหารออกมา
“ไม่เห็นต้องช่วยเลยค่ะ คุณเป็นแขก”ป้านิ่มพูดอย่างอ่อนใจ
“กวางอยากช่วยคะ กวางเป็นผู้อาศัย คำโบราณบอกว่าอยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกหลานท่านเล่น”เสียงหวานเจียวแจ่วพูดพร้อมกับเดินถือโถข้าวออกมาข้างนอก ทำให้คนที่ได้ยินเอียงหูฟัง เป็นครั้งแรกที่เจ้าของบ้านได้ยินเธอพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักแบบนี้
“ดื้อจริงๆ”คนแก่ของบ้านพูดอย่างเอ็ดดูกับคำช่างพูดของสาวเจ้า
“ที่นี่ไม่มีควายมีแต่ม้า”เสียงที่ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้หญิงสาวต่างวัยและบอดี้กาดอีกสองคนหยุดฉะงัก ป้านิ่มอมยิ้มกับคำพูดของเจ้านาย ดูก็รู้ว่ากำลังพูดหยอกคุณกวาง
“คุณกวางเขาแค่เปรียบเทียบคะคุณเสือ”ป้านิ่มพูดขึ้น
“เหรอครับ”แต่คนหน้ามึนของบ้านก็ทำเป็นไม่เข้าใจ กรรณิกาได้แต่มองเขาแล้วส่งค้อนไปให้โดยหารู้ไมว่ากิริยานั่นคนที่ได้รับเห็นเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทานได้เลยต้องการอะไรเพิ่มเรียกป้าได้เลยนะคะ”ป้านิ่มพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องอาหารไป เหลือแต่หนุ่มสาวนั่งทานข้าวกัน แต่มีคู่หนึ่งที่คนหนึ่งเอาแต่ก้มหน้าส่วนอีกคนก็เอาแต่มองหน้าหญิงสาว
“กินข้าวสิคุณ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบอัศวินก็เป็นฝ่ายพูดก่อน มันลำบากใจมากรึไงกับที่ต้องมานั่งกินข้าวกับเขา
ไม่มีใครพูดอะไรอีกทั้งสองคนเอาแต่กินข้าวเงียบๆ จนอัศวินเป็นฝ่ายรวบช้อนแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น หญิงสาวจึงอิ่มตาม
“อิ่มแล้วใช่ไหม ไปเถอะ”
“ไปไหนคะ”คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเขาจะพาเธอไปไหนถามขึ้น
“ข้างนอก”
“ไปทำไมคะ”
“ซื้อของไง เผื่อคุณอยากได้อะไร”คนที่อยากพาหญิงสาวออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับเธอยังไง เขาคิดว่าเมื่อหนีมันไม่พ้นก็ต้องพุ่งชน ลองดูสิว่ามันจะเป็นยังไง
“แต่ ฉันไม่อยากได้อะไร”สิ่งที่เธออยากได้มันก็มีเพราะของใช้ส่วนตัวของเธอนั่นไม่ได้เตรียมอะไรมามากเพราะไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ที่นี่ แต่ที่ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากจะไปกับเขาสองต่อสอง
“แน่ใจ”อัศวินเลิกคิ้วมองคนพูดว่าไม่อยากได้อะไร
“ไปเถอะ”เมื่อไม่มีเสียตอบรับ คนใจร้อนก็ดึงมือหญิงสาวให้เดินตามตัวเองไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้โต้แย้งอะไร ได้แต่เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ เพราะเธอรู้ว่าคนอย่างเขามันดื้อพอสมควร ที่ไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสองเพราะเธอกลัวอารมณ์ของตัวเองและกลัวเขาด้วยว่าเขาจะมาไม้ไหน
“ที่จริงคุณไม่ต้องพาฉันไปก็ได้ ฉันไม่อยากรบกวนอะไรคุณมากกว่านี้”กรรณิกาคิดว่าเธอกับเขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวอะไรกันมากกว่านี้ไม่ควรจะมีความสัมพันธ์หรือความทรงจำอะไรร่วมกันด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่อยากมีความรัก ไม่เคยคิดจะมี เธอกลัวความเสียใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคิดว่าเธออยู่คนเดียวได้เพราะงานที่เธอทำมันต้องการสมาธิและโลกส่วนตัวสูงการอยู่คนเดียวทำให้งานเธอลื่นไหล
“เหรอ แต่ผมรับปากพี่คุณไว้แล้วจะดูแลคุณอย่างดี”อัศวินเน้นคำว่าอย่างดีจนคนฟังได้แต่กัดปากตัวเองแน่น กรรณิกายังเดานิสัยเขาไม่ออกว่าเขาเป็นคนยังไง นิสัยที่แท้จริงเขาเป็นแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอเห็นมาแล้วคือความหื่นของเขามันชัดเจนจนทำให้เธอไม่อยากเข้าใกล้
แล้วไอ้คำที่ว่าจะดูแลอย่างดีเนี่ยมันไม่เห็นจะใช่เลยสักนิด เพราะตลอดเวลาหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอดูแลตัวเองมาตลอด นี่เธอไม่ได้น้อยใจเขาใช่ไหมกวาง
“แต่ฉันดูแลตัวเองได้ ที่จริงไม่จำเป็นด้วยซ้ำที่ฉันต้องมาอยู่กับคุณ”รถเคลื่อนที่ไปด้วยพร้อมกับการตอบโต้ไปมา อัศวินหันมามองคนที่บอกว่าดูแลตัวเองได้ ได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ ตอนนี้เธออาจจะพูดว่าดูแลตัวเองได้เพราะเธอยังไม่รู้งานที่พี่ชายตัวเองทำมันคืออะไรและมีผลกระทบกับครอบครัวมากแค่ไหนเธอก็พูดได้ และตอนนี้เขายังบอกเธอไม่ได้เพราะรับปากกับเพื่อนไว้
“แต่คุณต้องทำตามที่พี่คุณบอก เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ถึงแล้วลงสิ”ชายหนุ่มตัดบทไปเสียดื้อๆเมื่อถึงห้างในตัวเมือง กรรณิกาได้แต่ถอนหายใจ อยากติดต่อพี่ชายใจจะขาด แต่ก็ติดต่อไม่ได้เธอลองดูแล้ว คงต้องรอให้พี่สิงติดต่อมาเองอย่างที่พูดไว้ตั้งแต่แรก
“คุณอัศวินคะ”เมื่อเดินลงจากรถเป็นกรรณิกาเองที่เดินตามเขาไม่ทันจึงเรียกเขาขึ้น คนโดนเรียกหันกลับมามอง
“เสือ คุณต้องเรียกผมว่าเสือ พี่เสือดีกว่า”คนที่โดนบอกให้เปลี่ยนสรรพนามเรียกเขานั่นได้แต่อ้าปากค้าง แล้วรีบเม้มลงมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
“คือ..”
“ไม่ได้เหรอ”อัศวินไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องการให้ผู้หญิงใจแตกคนนี้เรียกเขาด้วยชื่อเล่น
“ได้ค่ะ คุณเสือ”กรรณิกาพูดออกไปเสียงเบา
“พี่เสือ”แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกใจคนฟัง
“คุณ.....พี่เสือ”ในที่สุดเธอก็ทนแรงกดดันจากเขาไม่ไหว ยอมเรียกเขาว่าพี่ถึงแม้มันจะคันยิกๆที่ปากรู้สึกเขินๆหน่อย แต่เธอก็รีบกำจัดความรู้สึกนั่นออกไป อย่าเชียวยัยกวางเธออย่าคิดอะไรกับเขาเป็นอันขาด
“มีอะไรว่ามา”กรรณิกางงอยู่นิดหน่อยกับคำถามของเขา แต่เมื่อคิดได้ก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนหน้านั่นเธอเรียกเขาไว้
“คือ.. ฉันเดินไม่ทัน”คนที่รอฟังคำถามเลิกคิ้วขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ยกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย
“แล้วก็ไม่บอก มานี่ แล้วต่อไปก็แทนตัวเองว่ากวางไม่เอาคุณ”ชายหนุ่มพูดเองเสร็จสับเดินมาจูงมือหญิงสาวที่ยืนเม้มปากตัวเองแน่นตั้งแต่ยินคำแรกที่เขาพูด เธออยากจะแกะมือที่เขาจับอยู่ออกแต่ร่างกายมันกลับไม่ทำตาม นี่เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ชอบให้เขาแตะต้องร่างกายของเธอกรรณิกา
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั้งชายหนุ่มพาเดินเธอมากมาถึงแผนกเสื้อผ้าผู้หญิงจึงหยุดเดิน
“เลือกสิ”กรรณิกาทำหน้างง เธอบอกเขาตอนไหนว่าอยากได้เสื้อผ้า
“สวัสดีค่ะคุณเสือวันนี้มาเองเลยหรอคะ”แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรพนักงานก็เดินเข้ามาทักอัศวินสะก่อน
“คุณเสือ ฉันไม่อยากได้เสื้อผ้า”กรรณิกาพูดขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันมามองเธอ เขามองเธอเขม่งแต่ก็ไม่พูดอะไร หญิงสาวได้แต่ทำหน้างงว่าเธอพูดอะไรผิด
“อะไรนะ”อัศวินถามคนขี้ลืมขึ้นเมื่อเงียบอยู่นาน เขาอยากจะลงโทษปากบางๆนั่นให้เข็ด
“เออ...กวางไม่อยากได้เสื้อผ้าที่มีอยู่ก็มากพอแล้ว”เมื่อโดนกดดันทางสายตา กรรณิกาก็นึกออกทันทีว่าเธอทำอะไรผิด รีบเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้พูดกับชายหนุ่มทันที
“แล้วอยากได้อะไร”เมื่อหญิงสาวบอกว่าไม่อยากได้เสื้อผ้า อัศวินก็ไม่เซ้าซี้ เขาน่าจะรู้ว่าสาวจบนอกอย่างเธอต้องมีเสื้อผ้าอะไรพวกนี้เยอะอยู่แล้ว
“ก็พวกของใช้ส่วนตัว พอดีกวางไม่ได้เตรียมอะไรมาเยอะ เออ อย่างเช่นครีม อะไรพวกนี้คะ”กรรณิกาเริ่มอธิบายให้เขาเข้าใจแต่ดูเหมือนคนฟังยิ่งทำหน้างงเข้าไปอีกเธอเลยยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้
“อ่อ แล้วก็ไม่บอก”เธอได้แต่ค้อนขอดคนที่ลากเธอออกจากร้านเสื้อผ้า กับคำว่าแล้วก็ไม่บอกของเขา เขาเคยถามเธอรึยังถึงให้เธอบอก เดินมาสักพักเขาก็พากเธอมาถึงแผนกของใช้เครื่องสำอาง
“คุณจะเข้าไปด้วยเหรอคะ”ถามเขาเมื่อเห็นเข้าจะก้าวเข้าไปด้วย
“ครั้งที่สอง”
“อะ....เออ พี่เสือจะเข้าไปด้วยเหรอคะ”กรรณิกาชะงักนิดหน่อยกับคำพูดของเขา เมื่อคิดได้เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที จะให้ชินภายในไม่กี่ชั่วโมงได้ยังไง
“เข้าสิ”เมื่อเขาบอกว่าเข้าสิ เธอก็ไม่ได้ขัดอะไร เดินไปเลือกของที่ตัวเองต้องซื้อไม่สนใจคนที่เดินตามหลังว่าเขาจะไปทางไหน
“คุณอัศวิน คุณอัศวินใช่ไหมคะ”เสียงร้องเรียกชื่ออัศวินทำให้กรรณิกาหยุดชะงักแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ได้แต่กำกระปุกครีมในมือแน่น เธอจะไปสนใจเขาทำมันกวางมันเรื่องของเขา
“ครับ”อัศวินตอบหญิงสาวที่เรียกเขาเพียงสั้นๆ
เอมอร หรือ อร เป็นลูกสาวของเจ้าของไร่ข้างๆที่รู้จักกันมาเนินนาน แต่ด้วยความที่อัศวินเป็นคนที่เงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ทำธุรกิจได้ด้วยความสามารถของตัวเองจึงไม่ต้องพึ่งพาใคร ส่วนหญิงสาวตรงหน้าเขาเองก็ไม่ได้พูดคุยกับเธอเท่าไหร่ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอสนใจในตัวเขามากแค่ไหน แต่คนที่ไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอจึงไม่เล่นกับไฟ
“อรมองทีแรกไม่คิดว่าจะเป็นคุณอัศวิน ไม่คิดว่าจะเข้ามาแผนกนี้ แล้วนี่มากับใครคะ มาเลือกอะไรเอ่ยให้อรช่วยเลือกไหม”เจ้าสาวไม่ได้สนใจคนรอบข้างแค่ถามไปอย่างนั่นเองว่าเขามากับใคร เพราะมั่นใจว่าเขาคงไม่ควงหญิงมาซื้อของ เพราะอัศวินนั่นไม่เคยควงใครไปไหนมาไหนด้วย ยิ่งซื้อของที่ห้างด้วยแล้วยิ่งไม่เคย
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนมาด้วย”แต่คำตอบของชายหนุ่มทำให้เอมอรอ้าปากค้างหันมองรอบๆก็ไม่เจอใคร อัศวินก็มองเช่นกันก็ไม่ให้แม้แต่เงาของคนที่ตัวเองพามาด้วย
“ไหนล่ะคะ อรไม่เห็นใครเลย ไม่ต้องอายเหรอคะ อรช่วยได้น๊าผู้ชายที่รู้จักดูแลตัวเองน่ารักออก”เอมอรเมื่อไม่เห็นคนที่เขาพามาด้วยก็พูดขึ้นอีก เธอคิดว่าเขาอาจจะอายที่เธอมาเห็นเขาเลือกครีมใช้
“ไม่เป็นไรครับ ขอตัว”คำปฏิเสธไร้เยื่อใยทำให้หญิงสาวที่เชื้อเชิญชายหนุ่มอ้าปากค้างอีกรอบมองตาหลังคนที่เดินจากไปอยากพูดอะไรไม่ออก
“แค่นี้ต้องอายด้วย หรือว่าเขาจะเป็น”คนที่รู้กิตติมศักดิ์ของชายหนุ่มเพียงด้านเดียวยกมือขึ้นปิดปากให้กับความคิดของตัวเอง เธอว่าแล้วคนที่อย่างเธอลองอ่อยใครแล้วมีหรือคนนั่นจะไม่สนใจ อีตาอัศวินต้องเป็นเกย์แน่นอน เอมอรสะบัดหน้าให้กับความคิดตัวเองแล้วก็เดินจากไป
“ได้ของครบรึยัง”ส่วนคนที่เดินตามหาผู้หญิงที่ตนพามาด้วยเมื่อเห็นเธอจึงเดินเข้าไปหา
“ครบแล้วค่ะ”กรรณิกาชะงักมือที่หยิบของลงตะกล้าหันหน้าไปมองคนที่ถาม มองเลยไปข้างหลังก็เห็นเขาเดินมาคนเดียว ก็ถอนหายใจแล้วก็ตอบเขาไป
“อยากได้อะไรอีกไหม”
“ไม่แล้วค่ะพอแล้ว”เมื่อไม่ได้อยากได้อะไรอัศวินก็พากรรณิกาไปจ่ายเงิน ซึ่งหญิงสาวขอจ่ายเองเมื่อเขาจะจ่ายให้ อัศวินก็ยอมเพราะไม่อยากขัดใจเธอ
ขัดใจเธองั้นเหรอ
อัศวินสะดุดกับความคิดของตัวเองแต่ไม่นานรีบสะบัดหัวเบาๆแล้วก็เดินตามเธอไปเมื่อจ่ายเงินเสร็จ
“หิวไหม”กรรณิกามองคนที่เดินตามตัวเอง เธองงกับการกระทำของเขามาก จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง ทำไมเขาต้องพาเธอมาทำอะไรอย่างนี้ด้วยซึ่งเธอคิดว่ามันไม่จำเป็นสักนิด
“ก็ นิดหน่อย”เธอไม่ปฏิเสธว่าไม่หิวเพราะเธอเองก็รู้สึกหิวนิดหน่อยจริงๆกินหรือไม่กินก็ได้ “งั้นไปหาอะไรกินกัน”พูดจบอัศวินก็เดินจูงมือเธอไปยังร้านอาหารโดยไม่ถามความเห็นของเธออีก
** **
สปอย ตอนหน้า
“ริมฝีปากลากไล้ไปตามยอดอกที่ชูชัน อ๊าส์ จำความรู้สึกนี่ไว้”ความว่องไวที่มีนำมาใช้ในการถอดเสื้อยืดตัวบางออกจากร่างเธอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกทรงสีหวานปากหนาก็ทำตามที่ตัวเองพูด ความรู้สึกที่มีปากและลิ้นของคนจริงๆไม่ใช่ตัวหนังสือที่เธอเขียนขึ้นมันให้อารมณ์มากกว่ากันหลายเท่า เมื่ออารมณ์มันพาไปกรรณิกาไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างไรดี ร่างกายตอบสนองเขาทุกอย่าง แผ่นหลังบางแอ่นเข้าหาริมฝีปากที่ไล้เลียอยู่ตรงติ่งไตนั่นอย่างละเมียดละไมทำให้เธอยกมือขึ้นขย้ำที่ผมของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้เพื่อระบายความเสียวซ่าน
“เป็นไง เราจะทำเป็นด้วยแล้วก็เขียนไปด้วยก็ได้นะฉันทำได้”คำพูดของร่างใหญ่ทำให้กรรณิกาได้สติอีกครั้ง
“ไม่ คนบ้า คุณมัน....”มือเล็กผลักเขาออกเต็มแรงแล้วถอยหลังยกมือขึ้นปิดหน้าอกหน้าใจของตัวเอง นึกด่าตัวเองในใจว่าไม่น่าเปิดประตูออกไปเลยจริงๆ เธอน่าจะรู้ว่าคงไม่มีโจรที่ไหนกล้าบุกบ้านคนอื่นกลางวันแสกๆแบบนี้
ความหื่นพี่เสือจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ