ตอนที่****9
ตามลำพังกับราชินี
“แล้ว…ยังไงต่อดีล่ะครับอาจารย์ ผมต้องหาธงนะ มีเวลาแค่สิบห้านาทีเอง”
“นั่นสิ ว่าแต่…นายไม่กลัวเลยเหรอ ฉันคิดว่านายจะกลัวความมืดซะอีกนะ”
นึกไว้ว่าจะต้องเจอจอมฟ้านั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่ตรงไหนสักที่แท้ๆ แต่กลับผิดคาด หมอนี่เดินเข้ามาจนเกือบจะสุดป่าได้หน้าตาเฉย
“เอ่อ…ผมแค่กลัวที่จะพูดคุยและสบตากับผู้ชายด้วยกันเพราะเคยโดนรังแกเฉยๆครับ แต่ไม่ได้กลัวไปหมดทุกอย่างแบบนั้น ความมืดเอย ผีเอย ของพวกนี้ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ”
“ก็ดี อย่างน้อยก็มีสิ่งที่ไม่กลัวอยู่”
ผิดคาดไปหน่อย แต่ไม่เลวเท่าไหร่ อย่างน้อยผมก็ได้รู้เหตุผลที่เจ้าแว่นติ๋มไม่กล้าพูดคุยและสบตากับคนอื่น ไม่สิ กับผู้ชาย…
บนโลกนี้คงยังมีเด็กแบบจอมฟ้าอีกหลายคนเลยสินะ เด็กที่ถูกรังแกจนกลายเป็นบาดแผลในจิตใจไปชั่วชีวิต…
“โอ๊ะ! นั่น!”
นิ้วเรียวเล็กชี้ไปข้างหน้าด้วยท่าทางดีใจ เจ้าแว่นติ๋มวิ่งดุ๊กดิ๊กไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง พยายามกระโดดสุดชีวิตเพื่อจะหยิบธงแดงที่ปักอยู่ด้านบน ผมส่ายหน้าระอาเดินตามมันก่อนจะจัดการหยิบธงแดงออกมาให้
“ขะ…ขอบคุณครับ”
“หยุดโตตั้งแต่จบชั้นประถมเลยหรือไง”
เหลือบมองคนตัวเตี้ยกว่าที่ถูกไม่ถึงอกผมด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตาว่าหมอนี่คือเด็กอภิสิทธิ์ของมหาลัย ผมจะคิดว่าเป็นเด็กประถมหนีออกจากบ้านมาเที่ยวจริงๆด้วย
“ใกล้จะหมดเวลา ผมคงต้องรีบกลับออกไป ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับที่มาเตือน เดี๋ยวตอนออกไปผมจะบอกเรื่องนี้กับเทียร์เอง อีกอย่าง…”
“…”
“ผมดีใจจริงๆนะครับที่อาจารย์ลงทุนทำเพื่อผมขนาดนี้ ไม่เคยมีอาจารย์คนไหนใส่ใจผมเท่านี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เด็กๆแล้ว แม้ว่าผมจะถูกแกล้งจนร้องไห้ พวกอาจารย์ก็มักจะทำเป็นมองไม่เห็นเพราะไม่อยากต้องมายุ่งยากไปด้วย”
“!!!”
เสียงเล่าเรื่องอดีตของจอมฟ้าเศร้าและเจ็บปวด มันทำให้ผมสะอึกด้วยตัวผมเมื่อก่อนนั้นก็ยึดหลักเหตุผลไม่อยากยุ่งยากจึงไม่เคยสนใจว่าใครจะถูกรังแก ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกรังแกว่าต้องเจ็บปวดทรมานแค่ไหน
“เป็นอาจารย์ที่ดีจังเลยนะครับ”
“ไม่”
“ครับ?”
“เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ดีอะไรทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากเสียชื่อหากทีมต้องแพ้”
ผมหันหลังให้จอมฟ้า ไม่อยากมองหน้าเด็กที่ตั้งความหวังไว้กับผมถึงขั้นคิดว่าผมเป็นอาจารย์ที่ดี มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
คนอย่างผม…
ไม่เคยปกป้องใครทั้งนั้น
“แต่ไม่ว่ายังไง อาจารย์ก็มายืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอครับ สำหรับผมตอนที่เห็นว่าคนที่ยืนทำลับๆล่อๆอยู่คืออาจารย์ มันทำให้ผมโล่งใจและรู้สึกมีความกล้าขึ้นมาเลย”
“…”
“ขอบคุณนะครับ ผมต้องไปแล้ว ไว้เจอกันตอนเสร็จกิจกรรมนะครับอาจารย์”
รอจนเสียงฝีเท้าของหมอนั่นไกลออกไปถึงหันหลังกลับไปดู ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองก่อนจะล้วงหยิบเอาบุหรี่ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากระโปรงออกมาจุดสูบ
“อาจารย์ที่ดีอะไรกัน…”
เดินไปทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้ พ่นควันบุหรี่ออกมาพลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืนไปเรื่อย ในป่าที่เต็มไปด้วยยุงและสัตว์มีพิษอื่นๆ เห็นทีจะมีแค่ท้องฟ้าสีดำสนิทแต้มด้วยดาวเท่านั้นแหละมั้งที่พอมองได้
ตามกิ่งไม้ต้นไม้ในป่าถูกห้อยไปด้วยหน้ากากผีหลายชนิดแม้แต่พวกปิศาจหมาป่าหรือแวมไพร์ก็มี ให้ตายสิ เอามาหลอกเด็กหรือไง ใครจะไปกลัวของปลอมๆพรรค์นี้กัน คนอย่างแฟนธ่อมที่ลือกันว่าอัจฉริยะจะคิดอะไรปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“เป็นอาจารย์แท้ๆแต่กลับมาสูบบุหรี่ต่อหน้านักศึกษาเหรอครับ”
“ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นอาจารย์ เป็นผีผู้หญิงต่างหาก”
“นั่นสิ คิดว่าใครจะแต่งหญิงก็ได้งั้นเหรอครับ ไม่ใช่ทุกคนที่แต่งออกมาแล้วจะดูดีนะ”
“จะบอวกว่าตัวเองแต่งขึ้น?”
“อย่างน้อยก็ไม่เหมือนผีผู้หญิงแบบอาจารย์แล้วกันครับ”
ตุ้บ…
เทียร์เดินมานั่งลงข้างๆก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจนผมเห็นว่าที่ปากมันคาบบุหรี่อยู่เช่นกัน ล้วงหยิบไฟแช็กอีกรอบแล้วจัดการจุดไฟให้ คิดไม่ถึงว่าราชินีสูบบุหรี่เป็นด้วย
“ฟู่…”
“ทำตัวเหมือนผู้ชายทั่วไปก็เป็นนี่”
“ผมผู้ชายนะครับ แค่แต่งหญิงเท่านั้น”
พ่นควันออกมาอีกรอบแข่งกับผม ไม่มีใครพูดะไรออกมาอีกเลยนอกจากนั่งสูบบุหรี่กันไปเงียบๆ ผมชันขาขึ้นมานั่งอ้าออกกว้างด้วยเริ่มรู้สึกรำคาญที่จะต้องหุบขาเพราะใส่กระโปรง
ถึงยังไงผมก็ผู้ชายอยู่ดี แค่ใส่กระโปรงมันไม่ทำให้ผมเป็นผู้หญิงขึ้นมาได้หรอก
“ผมเห็นนะ”
“…”
“สองตัวนั้นน่ะ ฝีมืออาจารย์ใช่ไหม”
“นายพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ฟู่…”
แสร้งเฉไฉพ่นควันออกมาเป็นรูปวงกลม ดูถูกสายตาของเจ้าบ้านี่ไม่ได้แล้วสิ ขนาดผมเอาไอ้สองตัวนั้นไปซ่อนอย่างมิดชิดแล้วยังถูกเจอได้อีก แปลว่าเทียร์เองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
อ่า…ลืมไป เด็กอภิสิทธิ์จะไปธรรมดาได้ยังไง
“เอาเถอะ ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอาจารย์ไม่จัดการพวกมัน แต่ถ้าพวกมันมาทำอะไรของเล่นของผมผมก็คงไม่ปล่อยไว้แน่”
“ของเล่น?”
“หึๆ…”
ราชินีเหยียดยิ้มมุมปาก พอจะรู้แล้วล่ะว่าเขาหมายถึงใคร แต่ไปเรียกคนอื่นว่าของเล่นแบบนี้นี่ใช้ไม่ได้เลย นิสียเสียเหมือนกันแฮะเจ้าบ้านี่
“ใกล้หมดเวลาแล้ว ผมเองก็ต้องออกไปเหมือนกัน”
“นายยังไม่เจอธงเลยไม่ใช่เหรอ”
พรึ่บ…
สิ้นคำถาม เทียร์ก็ชูบางสิ่งในมือขึ้นมาให้ดู มันคือธงแดงอันที่สอง! ปะ…ไปหาเจอตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนมาถึงหมอนี่ก็นั่งคุยกับผมอยู่ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?
“มันปักอยู่หลังต้นไม้ที่ผมกับอาจารย์นั่งพิงกันอยู่นี่แหละ”
“งั้นเหรอ…”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“แปลก ของจอมฟ้าเองธงอันแรกที่หาเจอก็ปักอยู่กับต้นไม้ต้นนี้เหมือนกัน อยู่เหนือหัวฉันขึ้นไป”
เทียร์รีบลุกขึ้นสำรวจดูเมื่อพบพูดจบ ทำไมธงสองอันแรกถึงอยู่ในที่ที่มองเห็นและหาเจอได้ง่ายแบบนี้ล่ะ
“รอบๆต้นไม้ไม่มีธงแล้ว แปลว่ามีแค่สองธงเท่านั้นที่ปักไว้ให้มองเห็นง่าย มันแทบไม่เรียกว่าซ่อนเลยด้วยซ้ำ”
หันมาบกกับผมหลังจากเดินสำรวจดูรอบต้นไม้แล้วไม่พบธงอันสุดท้ายเลย มันยังไงกันแน่ แฟนธ่อมมีเหตุผลอะไรถึงทำให้ธงสองอันแรกหาเจอได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย?
“แย่ล่ะ จะหมดเวลาแล้ว ผมต้องรีบไป”
“คนสุดท้ายคือไต้ฝุ่นใช่ไหม”
“ครับ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมกังวล”
“อะไร?”
“เซอร์ไพรส์จากแฟนธ่อมที่พวกอาจารย์บอกไว้ ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร ตอนจอมฟ้าเข้ามาก็เหมือนกัน ไม่แน่ว่าบางที…”
เทียร์หยุดคำพูดไว้ ผมกับเขามองหน้ากันก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับ ขยี้บุหรี่ที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดลงกับพื้น
“ฉันก็คิดแบบนั้น มีหลายอย่างตอกย้ำความคิดของฉันว่าแฟนธ่อมกำลังจ้องเล่นงานทีมของพวกนายอยู่ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร และใครคือเป้าหมาย”
“ตอนนี้ตัดผมกับจอมฟ้าออกไปได้แล้ว มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
“เป้าหมายของเด็กอภิสิทธิ์ทีมอื่นคือต้องการกำจัดจอมฟ้าเป็นคนแรก ขณะที่เป้าหมายจริงๆที่แฟนธ่อมต้องการไม่ใช่หมอนั่นเป็น…คนสุดท้ายที่จะได้เข้ามา”
“ไต้ฝุ่น/ไต้ฝุ่น”
ผมกับเทียร์เอ่ยขึ้นพร้อมกัน จริงอยู่ว่าเจ้าลิงหัวแดงทำตัวเป็นปรปักษ์กับเด็กอภิสิทธิ์คนอื่นและแฟนธ่อม แต่ไม่น่าจะถึงขั้นที่อสุรกายจะต้องยื่นมือเข้ามาจัดการเอง นอกเสียจากว่า…
หมอนั่นจะรู้สึกถึงอันตรายและคิดว่าถ้าปล่อยให้ไต้ฝุ่นทำตามอำเภอใจต่อไปจะต้องไม่ส่งผลดีกับตัวเอง หมายความว่าถ้าเด็กคนนั้นยังคงช่วยเหลือพวกเด็กไร้ประโยชน์ในการถูกลงโทษต่อไป อาจจะมีบางอย่างสั่นสะเทือนไปถึงตัวผู้บงการอย่างแฟนธ่อม?!
แต่กะอีแค่เด็กอันธพาลชอบชกต่อยที่อยากจะช่วยเหลือคนอ่อนแอเฉยๆ ทำไมจะต้องไปกลัวด้วย?
“เทียร์ นายรู้จักหรือว่าเคยเห็นแฟนธ่อมตัวจริงไหม?”
“ไม่เคย ผมรู้เท่าๆกับที่คนอื่นรู้นั่นแหละ แฟนธ่อม…เด็กอัจฉริยะที่เรียนอยู่ปีสาม มีมันสมองที่เปรียบได้กับอาวุธสงครามทำลายล้าง ความอัจฉริยะทำให้เขามีอำนาจควบคุมมหาลัยนี้ได้ตามใจ ไม่เคยมีใครเห็นตัวจริง ไม่มีใครรู้จักหน้าตา ไม่มีประวัติในระเบียนนักศึกษา ที่รู้ก็แค่หมอนั่นเป็นผู้ชาย”
“อ่า…รู้เท่าฉันเหมือนกัน”
ทั้งที่เป็นคนดังมากที่สุดของมหาลัย แต่กลับไม่มีข้อมูลส่วนตัวนอกจากชื่อ เพศ และชั้นปี ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับและไม่มีใครกล้าค้นหามันด้วย หรือเป็นเพราะถ้าหากค้นหาจนเจออะไรเข้า มันจะไม่ส่งผลดีต่อคนที่ค้นเจอความลับนั้น…
เปรียบได้กับกล่องแพนโดร่าเลยสินะ
ประวัติของอสุรกายแฟนธ่อม…
“แต่ผมเคยได้ยินผู้หญิงในห้องที่เป็นแฟนคลับแฟนธ่อมบอกว่าหมอนั่นมีห้องพักส่วนตัวอยู่ที่โดมฤดูร้อนในสวนหลังมหาลัยนะ”
“โดมฤดูร้อน? คืออะไร”
“ไม่รู้”
“ปกติฉันขลุกอยู่แต่ในห้องพยาบาล ไม่เคยสนใจอย่างอื่นซะด้วย มันคืออะไรกันนะ มีที่แบบนั้นในมหาลัยด้วยเหรอ”
เพิ่งสำนึกได้ว่าการที่ไม่สนใจอะไรเลยมันโคตรเป็นข้อเสีย! สอนที่นี่มาสี่ปีแต่กลับไม่รู้จักโดมฤดูร้อน คนที่ไม่เอาไหนจริงๆมันคือผมมากกว่า
“มีหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ถ้ามันมีที่แบบนั้นอยู่จริง ก็แสดงว่าเราจะพบแฟนธ่อมได้ที่นั่นใช่ไหมล่ะครับ”
“อือ กรณีที่ถ้าสามารถเข้าพบได้ง่ายล่ะก็นะ”
“ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่แล้วกันนะครับ ใกล้จะหมดเวลาแล้ว”
“ทางนี้ฉันจะจัดการต่อเอง นายไปซะ”
“ครับ”
ไอ้น้ำแข็งพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินออกไป ทว่าไม่ถึงสามวินาทีมันก็เดินดุ่มๆกลับมาทางผมใหม่
“อะไรอีก”
“หันหลังหน่อย”
“ทำไม?”
“เถอะน่า!”
ขึ้นเสียงอย่างใส่อารมณ์ก่อนจะจับผมหมุนตัวเองอย่างถือวิสาสะ เลิกเสื้อที่ผมใส่อยู่ขึ้นและแปะอะไรบางอย่างลงมาที่แผ่นหลังตรงบริเวณรอยลวดหนามข่วน
“อะไร?”
“พลาสเตอร์ จอมฟ้าบอกว่าที่หลังอาจารย์บาดเจ็บ ผมพกพลาสเตอร์ติดตัวไว้ตลอดเพราหมอนั่นซุ่มซ่ามเจ็บตัวบ่อย”
“อย่าบอกนะว่าทำเพื่อตอบแทนฉัน? คนอย่างราชินีเนี่ยนะ”
“อย่าเข้าใจผิด ผมแค่ไม่อยากให้เสื้อเปื้อนเลือดอาจารย์มากไปกว่านี้ต่างหาก”
ผมหันกลับไปมองราชินีที่แปะพลาสเตอร์ให้เสร็จแล้วก่อนจะก้มหัวให้มันเล็กน้อย
“ขอบคุณสำหรบความเมตตาครับราชินี”
“เสื้อตัวนี้ผมสั่งผ้านำเข้ามาจากบาหลีและให้ช่างเย็บมือทั้งหมด มันเป็นเสื้อตัวโปรดที่ผมชอบมากๆ อาจารย์เลือกหยิบได้แม่นจังเลยนะครับ”
“ไอ้ที่นั่งทำตาเขียวใส่ฉันตลอดเพราะไม่พอใจเรื่องนี้ล่ะสิ”
สายตาเย็นยะเยือกจ้องมองมาจนแอบขนลุกเล็กน้อย เทียร์มองค้อนทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งกลับออกไปทางห้องโถงเพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองนาที
ระหว่างที่รอให้ไต้ฝุ่นเข้ามา ผมเดินลึกเข้าไปในป่าเพื่อสำรวจหาความผิดปกติ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแค่ความมืดและความเงียบ เงียบเกินไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแมลงสักตัว ความเงียบราวกับคลื่นลมสงบในมหาสมุทร…
…หากแต่หลังจากนั้นจะถูกซัดกระหน่ำด้วยพายุลูกใหญ่!
เดินสำรวจอยู่นาน เจ้าลิงหัวแดงที่ควรจะเข้ามาได้แล้วก็ยังมาไม่ถึงสักที ผมเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่น คอยชะเง้อคอมองหาไต้ฝุ่นทว่าไม่เห็นแม้แต่เงา มันผ่านไปห้านาทีแล้วนะ หมอนั่นควรจะมาถึงจุดนี้ได้แล้วสิ
‘เซอร์ไพรส์จากแฟนธ่อมที่พวกอาจารย์บอกไว้ ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร ตอนจอมฟ้าเข้ามาก็เหมือนกัน ไม่แน่ว่าบางที…’
คำพูดของเทียร์ย้อนกลับเข้ามาในหัว
หรือว่า!!!
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขาพาผมวิ่งไปยังทางเข้าสู่ป่าจากห้องโถงเพื่อตามหาเด็กคนนั้น ในใจว้าวุ่นหวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่นะ…ขอให้ไม่มีอะไร ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไต้ฝุ่น!
ฉันกำลังไป…
รอฉันก่อนนะเจ้าเด็กบ้า…
รอฉันก่อนนะ
“ไต่ฝุ่น!!!!”
บับเบิ้ลบิวชวนคุย**:**
มาอัพแล้วจ้า ชอบเวลาอาจารย์เรียวกับเทียร์อยู่ด้วยกันจริงๆ เหมือนอัจฉริยะชนอัจฉริยะ ปะติดปะต่อเรื่องราวกันได้เข้าคู่สุดๆ ขณะที่น้องฝุ่นและจอมฟ้าเองก็เข้าคู่กันแบบใสๆซื่อๆ 5555+ ตัวตนของแฟนธ่อมยังคงเป็นปริศนาที่ต้องค้นหากันต่อไป แต่ว่า…เกิดอะไรขึ้นกับน้องฝุ่นกันแน่ ถึงขนาดทำให้อาจารย์เป็นห่วงจนแทบบ้าเลยนะเนี่ยยย!