ตอนที่****6
**ออกค่ายสุดป่วน(**2)
“อาจารย์ดู…”
“เงียบน่า ฉันจะนอน”
พูดดักไต้ฝุ่นที่ตั้งท่าจะชี้โบ๊ชี้เบ๊นอกรถให้ผมดูระหว่างทางไปยังสถานที่ออกค่าย
รถคันนี้ถูกออกมาแบบสองที่นั่งและจะมีผ้าม่านปิดกั้นเป็นโซนส่วนตัวไม่ให้รบกวนกันได้ เทีบร์กับจอมฟ้านั่งอยู่เบาะหลังต่อจากผม แน่นอนว่ามีม่านปิดกั้นเอาไว้ เพื่อป้องกันเจ้าลิงหัวแดงแอบย่องออกไปมีเรื่องกับคนอื่นผมเลยจับยัดให้นั่งที่เบาะด้านในติดริมหน้าต่าง ส่วนผมก็นั่งเบาะนอกยื่นเท้ายันไปกับพนักกั้นข้างหน้า
ปิดทางเข้าออกด้วยตัวเองซะเลย
“ถ้าอาจารย์นอนแล้วผมจะคุยกับใครล่ะ รถบ้าอะไรก็ไม่รู้กันจนเหลือแต่หน้าต่างได้ยังไง”
“น่ารำคาญจริง”
ตุ้บ…
ผมไถลตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อจะเอนหัวนอนซบบ่าไต่ฝุ่นได้ สูงกว่ามันเป็นคืบถ้าไม่เขยิบไปข้างหน้าคงจะนอนซบไม่ได้ ให้เอนลงไปเลยมีหวังคอหักตาย
“อะ…อาจารย์”
“เงียบได้หรือยัง ฉันง่วง”
“อาจารย์…ชูจิ…”
“…”
“จะนอนแบบนี้เหรอครับ”
ลอบยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วกันเจ้าเด็กนี่เห็นซะก่อน ความจริงมีม่านกั้นให้ความเป็นส่วนตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีใครมารบกวนด้วย
ตึกๆ! ตึกๆ! ตึกๆ!
“นี่…”
“คะ…ครับ”
“เบาเสียงหน่อยซิ”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
“ฉันหมายถึงเสียงหัวใจของนายต่างหาก”
พลันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงหัวใจที่เต้นแรงและดังทำเอานอนไม่หลับ ไต้ฝุ่นชะงักไปเล็กน้อยเพราะเวลานี้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแมวคู่นี้โดยไม่นึกกลัว
แปลก…ทั้งๆที่คนอื่นพากันหวาดกลัวดวงตาคู่นี้จนไม่กล้าเข้าใกล้
ทำไมผมกลับคิดว่ามันช่างเป็นดวงตาที่สวยเหลือเกิน
“เสียงหัวใจของนายมันทำให้ฉันนอนไม่หลับ”
“ละ…แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ อีกอย่าง…จ้องกันขนาดนี้ผมไปทำอะไรให้โกรธอีกหรือไง”
“ฉันไม่เข้าใจน่ะสิ”
“ไม่เข้าใจ? อะไรเหรอครับ”
“ตัวแค่นี้ทำไมถึงชอบหาเรื่องใส่ตัวนัก ไม่เป็นห่วงตัวเองบ้างเหรอ”
เลื่อนมือขึ้นไปวางบนหัวของเจ้าลิงหัวแดงแล้วตบมันเบาๆ ความจริงที่สงสัยคือตัวแค่นี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะต่างหาก มองด้วยตาคงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาสามารถทุ่มผู้ชายตัวโตกว่าตัวเองลงได้ในสามวินาที…
“ผมแค่…อยากใช้มือคู่นี้ของผมปกป้องคนอื่นดูบ้างก็เท่านั้น มันอาจจะเทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่ผมเคยทำไว้ แต่ว่า…ไม่ว่ายังไงก็อยากจะช่วยให้ได้จริงๆ คนที่ถูกรังแกโดยไม่มีทางสู้ได้พวกนั้นน่ะ”
ดวงตาดุดันก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเองพลางแผ่กระจายความเศร้าออกมาจนสัมผัสได้ หรือว่าเจ้านี่…คิดจะใช้สองมือที่เคยทำผิดในอดีตมาปกป้องคนอื่นเพื่อชดใช้?
เด็กโง่…
หมับ…
“เอ๊ะ? อาจารย์ทำอะไรครับ”
คนตัวเล็กร้องถามเสียงหลงเมื่อถูกผมรวบตัวเข้ามาใกล้ ดันหัวไต้ฝุ่นให้ซบลงกับแผงอกแล้วลูบไปตามเส้นผมเบาๆ
ปกติเขาเรียกคนที่ทำแบบนี้ว่าอะไรนะ…
ปลอบ…หรือเปล่า?
“เงียบได้แล้ว ฉันจะนอน”
“นอนท่านี้เหรอครับ”
“…”
ผมไม่ตอบ เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ มือข้างที่ลูบหัวไต้ฝุ่นอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นดันเอาไว้แทน บริเวณลำคอถูกลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่ายกระทบ
เป็นอีกครั้งที่ผมต้องแอบยิ้มกับตัวเอง แถมยังเป็นการยิ้มที่ผมเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยิ้มทำไม แต่พอคิดว่าคนที่จะได้เห็นไต้ฝุ่นในโหมดแบบนี้มีแค่ผมเท่านั้น มันก็ไม่เลวเหมือนกัน แค่ไม่ไปทำตัวแบบนี้ให้ใครเห็นก็พอ
“นี่ครับอาจารย์ ยังไงตอนหกโมงอย่าลืมมารวมตัวกันที่ห้องโถงของรีสอร์ทนะครับ แฟนธ่อมจะเริ่มกิจกรรมแรกของค่ำคืนนี้ด้วยการทดสอบความกล้า”
อาจารย์ที่ทำหน้าที่ไปรับกุญแจห้องพักของแต่ละกลุ่มมาจากทางรีสอร์ทในจังหวะสระบุรีมาแจกจ่ายให้กับทุกทีมบอกแผนงานสำหรับคืนนี้ รีสอร์ทที่นี่ถูกเช่าแบบเหมาเป็นเวลาสามวันสองคืน แปลว่าตอนนี้ไม่มีคนของทางรีสอร์ทอยู่เลย ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ทั้งสิ้น เว้นก็แต่กิจกรรมทุกอย่างที่จะต้องเข้าร่วม…
…แฟนธ่อมจะเป็นคนคิด
“รับทราบครับ ขอบคุณมาก”
รับกุญแจมาแล้วเดินกลับไปเจ้าสามแปลกที่ยืนรออยู่
เหมือนว่าไต้ฝุ่นจะยังไม่รู้เรื่องที่เทียร์เป็นผู้ชาย ก่อนจะลงรถเอาแต่ถามว่าเจ้าราชินีนั่นจะนอนร่วมห้องกับผู้ชายตั้งสามคนได้ยังไง
“รีบกลับไปอาบน้ำเก็บของที่ห้องให้เรียบร้อย หกโมงตรงต้องไปรวมกันที่ห้องโถง เพราะว่ากิจกรรมแรกของคืนนี้จะเป็นการทดสอบความกล้า”
“ทดสอบความกล้า? เป็นเด็กเหรอคะ”
“ฉันไม่รู้ แฟนธ่อมเป็นคนคิดกิจกรรมทั้งหมด”
สายตาจับอาการผิดสังเกตของไต้ฝุ่นได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะปรับสีหน้าตามเดิมเหมือนไม่มีอะไร แม้จะแค่วินาทีเดียว แต่เจ้าลิงหัวแดงนั่นมีปฏิกิริยาบางอย่างต่อชื่อแฟนธ่อมไม่ผิดแน่!
“หมอนั่นเป็นใครกันแน่ ตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่ฉันก็ได้ยินชื่อเป็นล้านรอบแล้ว”
“เทียร์…”
เอ่ยแทรกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าสวยประดุจราชินีผู้เย่อหยิ่งและจองหองเปรยตามองผมราวกับผมเป็นเพียงทาสในเรือนเบี้ย ไม่ถูกกับเด็กประเภทนี้เลยจริงๆ!
“ระหว่างทำกิจกรรมที่นี่ ช่วยกลับไปเป็นผู้ชายได้ไหม”
ขวับ!
ไต้ฝุ่นเงยหน้ามองผมทันที ถ้าขืนให้เทียร์อยู่ในร่างราชินีแบบนี้คงทำอะไรลำบากแน่ๆ ดีไม่ดีจะเป็นตัวดึงดูดให้พวกที่อยากโค่นล้มราชินีหรืออยากได้ราชินีไปไว้ข้างกายเข้ามาหา จะกลายเป็นตัวปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ไป
“อาจารย์พูดอะไรน่ะครับ เทียร์…”
หมับ!
ผมยื่นมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าแปะลงตรงหน้าอกของเทียร์พอดี หันหน้ามองไต้ฝุ่นก่อนจะทำการบีบให้ดูเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าเจ้าหมอนี่มันมีหน้าอกซะที่ไหน
“แค่พูดก็พอมั้งคะอาจารย์”
“ก็อย่างที่เห็น หมอนี่เป็นผู้ชาย”
“ห๊า!!!!”
เทียร์เบือนหน้าหนีไปอย่างรำคาญกับปฏิกิริยาการตกใจของไต้ฝุ่น ทีมผมมีแววล่มจมตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเลย
“ไปได้แล้วจอม”
“เอ่อ…ครับ”
“เดี๋ยว”
รั้งแขนจอมฟ้าที่กำลังจะเดินตามเทียร์ไปเอาไว้ ผมยังไม่ได้บอกการฝึกพิเศษก่อนเริ่มกิจกรรมกับพวกเขาเลย
“อะไรอีกล่ะครับ”
เทียร์ขานรับแบบผู้ชาย แปลว่ายอมทำตามที่ผมบอกเรื่องให้กลับมาเป็นผู้ชายระหว่างทำกิจกรรมออกค่ายสินะ
“ฉันให้เวลาอาบน้ำทำธุระส่วนตัวกันแค่คนละสิบนาที หลังจากนั้นเราจะมีฝึกพิเศษสำหรับจอมฟ้าโดยเฉพาะกัน”
“ฝึกพิเศษ?”
อัศวินของจอมฟ้าทวนคำ ไม่ว่าจะมองยังไงสองคนนี้มันก็ไม่มีอะไรเข้ากันเลย เอาจริงเหรอครับพระเจ้า? คู่นี้เนี่ยนะ?!
“ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กันได้ว่าในทีมเราตอนนี้ใครเป็นตัวถ่วงมากที่สุด ไม่ใช่พวกนายสองคน แล้วก็ไม่ใช่ฉัน งั้นจะเหลือใครได้นอกจากเจ้าแว่นติ๋มนี่”
ว่าพลางเอื้อมมือไปยกจอมฟ้าโดยการหิ้วปีกทั้งสองข้าง ไต้ฝุ่นว่าตัวเล็กแล้วแต่หมอนี่ตัวเล็กกว่าอีกแฮะ
“แล้วจะฝึกพิเศษอะไร”
“คนที่จะฝึกพิเศษกับจอมฟ้าไม่ใช่นาย แต่เป็นไต้ฝุ่น”
“ผมเหรอ?!”
คนถูกโยงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่ ในที่นี่มีเทียร์คนเดียวที่จอมฟ้าไม่กลัวและพูดคุยด้วยอย่างเป็นปกติ นอกนั้นทุกคนคงเปรียบเหมือนปิศาจในสายตาเขา ทางเดียวที่จะทำให้จอมฟ้าไม่เป็นตัวถ่วงของทีมอีกต่อไปคือต้องทำให้เลิกนิสัยกลัวผู้คนให้ได้ ไม่อย่างนั้นทีมเราแพ้แน่”
“ผะ…ผะ…ผะ…ผม…ขะ…ขะ…ขอ..ทะ…โทษ ที่…ที่….”
“ฉันรู้ จะบอกว่าขอโทษที่เป็นตัวถ่วงใช่ไหม”
หงึกๆๆๆ
จอมฟ้าพยักหน้ารับคำแปลของผม ดีใจชะมัดเลย แปลถูกด้วย…
“แต่แบบนั้นมันไม่หักดิบเกินไปเหรอครับอาจารย์ ในเมื่อรู้ว่าหมอนี่กลัวแล้วทำไมถึงยัง…!”
“พูดมากชะมัด”
“ฮะ…?”
“ใครตั้งฉายาราชินีน้ำแข็งอะไรนั่นให้นาย ไปบอกให้เขาริบเอาตำแหน่งนี้คืนไปเลยนะ นอกจากไต้ฝุ่นแล้วมีนายนี่แหละที่ฉันจะยกให้เป็นบุคคลพูดมากจนน่ารำคาญ”
“อาจารย์ไม่มีสิทธิ์มาว่าผมแบบนี้…”
เทียร์เดินหน้าเข้ามายืนประชิดผม นัยน์ตาเยือกเย็นแผ่รังสีความไม่พอใจออกมา
“นี่ไงล่ะ สาเหตุที่ทำไมจอมฟ้าถึงต้องได้รับการฝึกพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นไค้ฝุ่นหรือแม้กระทั่งนายที่ไม่เคยสนใจใคร แต่พอโกรธ พวกนายก็สามารถปะทะกับคู่ต่อสู้ได้แบบซึ่งๆหน้าโดยไม่มีความกลัว เปอร์เซ็นต์เอาตัวรอดและการมีชีวิตของนายสองคนมีสูงมากกว่าเจ้าแว่นมากนัก คิดภาพไม่ออกเลยนะว่าถ้าจอมฟ้าต้องไปเจอเด็กอภิสิทธิ์คนอื่นหรือถูกใครเล่นงานในระหว่างที่คนในทีมไม่ได้อยู่ด้วย อะไรจะเกิดขึ้น”
“…”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าสุดท้ายแล้วจะชนะหรือไม่ แต่ฉันไม่อยากต้องมาเสียชื่อทีหลังว่าไม่สามารถดูแลเด็กในทีมให้รอดพ้นไปได้ จอมฟ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ คนที่ต้องถูกลบทิ้งต้องไม่ใช่เขา”
ผมจ้องหน้าเทียร์กลับ นัยน์ตาที่เคยเยือกเย็นของอีกฝ่ายสั่นไหวเล็กน้อย
“อาจารย์…เป็นใครกันแน่”
“ถามอะไรแบบนั้น ฉันก็เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลไง เอาล่ะ หมดเวลาพูดคุยกันแล้ว รีบไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ห้องในรีสอร์ทแบ่งออกเป็นสี่ห้องอยู่แล้ว แยกกันนอนคนละห้องได้เลย”
ตัดบทแล้วไล่ต้อนเจ้าสามแปลกไปทางห้องพัก ปัญหาใหญ่ก่อนจะถึงกิจกรรมทดสอบความกล้าในคืนนี้ก็คือจอมฟ้า ถึงจะบอกว่าแบ่งกันเป็นทีมแต่แฟนธ่อมไม่มีทางปล่อยให้เข้าไปทดสอบกันเป็นทีมอย่างแน่นอน
ที่คิดไว้คือจะต้องไปทีละคน…
ถ้าเป็นทีละคนหมายความเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกดักซุ่มเล่นงานเพื่อกำจัดคู่แข่งย่อมสูงตามไปด้วย
ผมจะไม่ยอมให้นักศึกษาคนไหนในทีมถูกลบทิ้งไปทั้งแบบนี้แน่ ถ้าไม่รีบจัดการกับความกลัวไม่เข้าท่าของเจ้าแว่นติ๋มต้องไม่รอดแน่!
“อ๊ากกกกกก! มะ…มะ…มะ….มะ…ไม่! ยะ…ยะ…ยะ….อย่า ทะ..ทะ…ทำอะไร ผะ…ผมเลย คะ…ครับ!”
“เป็นงี้มาสิบรอบแล้วนะครับอาจารย์! ผมยังไม่ได้ขยับแม้แต่ปลายนิ้วก้อยเลยเนี่ย ไอ้จอมมันก็ร้องเอาๆเหมือนผมจะเข้าไปฆ่ามันซะงั้นอ่ะ”
ไต้ฝุ่นหันมาโวยวาย
เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่ผมจับเอาไต้ฝุ่นและจอมฟ้ามานั่งจ้องตากัน แต่จ้องได้ไม่ถึงสามวินาที เจ้าแว่นติ๋มก็ดันสติหลุด ร้องโวยวายอย่างที่เห็น
และนั่นคือการร้องครั้งที่สิบ…
“เทียร์ มีวิธีอะไรดีๆไหม อีกแค่สองชั่วโมงก็จะถึงเวลารวมตัวแล้ว ยังไงก็ปล่อยให้ไปทดสอบความกล้าแบบนี้ไม่ได้แน่”
หันไปถามอัศวินของเจ้าแว่นตอ๋มดูบ้าง แต่ดูเหมือนแม้แต่อัศวินเองยังคิดหนักเลย
เทียร์ที่แปลงร่างกลับมาเป็นผู้ชายด้วยการใส่ชุดผู้ชายและมัดรวบผมไว้หลวมๆเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าจอมฟ้าที่หลับหูหลับตาร้องไห้น้ำตาไหลพราก สองมือจับยึดบ่าเล็กๆนั่นเอาไว้
“จอม มองหน้าฉัน”
ชิ้งงงงง!
เจ้าแว่นติ๋มลืมตามองเทียร์ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง แถมยังเป็นการมองแบบตาไม่กะพริบ ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเลยแม้แต่น้อย
“เห็นไหมครับ มองได้แค่ผมจริงๆ”
“เฮ้ออออ!”
ผม ไต้ฝุ่น และเทียร์ต่างก็เบือนหน้าถอนหายใจกันไปคนละทาง
แบบนี้มันจะเอาตัวรอดได้ยังไงกันล่ะ! มีแต่หน้าเทียร์เท่านั้นที่จ้องได้เนี่ยนะ?! ให้ตายสิ ต้องใช้วิธีไหนเจ้าแว่นติ๋มมันถึงจะหายกลัวผู้คนสักที!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย**:**
มาอัพแล้วจ้า ดูท่าอาจารย์จะมีงานเข้า การทำให้จอมฟ้าเลิกกลัวผู้คนและแข็งแกร่งขึ้นไม่น่าจะใช่งานง่ายๆเลย แบบนี้กิจกรรมทดสอบความกล้าจะเป็นยังไงล่ะ? เจ้าแว่นติ๋มของเราจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า ยิ่งเป็นกิจกรรมที่แฟนธ่อมคิดขึ้นมาเองแล้วยิ่งไม่น่าไว้ใจ? จุดประสงค์ของแฟนธ่อมในการออกค่ายครั้งนี้คืออะไรกันแน่?
เรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างต่างจากรักโคตรแซ่บที่กำลังแต่งและอัพให้อ่านอยู่นะคะ ค่อนข้างเป็นธีมการต่อสู้ระหว่างนักศึกษาด้วยกันเองเสียมากกว่า มันรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตัวดีเวลาแต่งแนวแบบนี้ 555+