ตอนที่****3
สิ่งที่เคยทำในอดีต
“ขออนุญาตนะครับ”
“อ้าว อาจารย์ห้องพยาบาลนี่เอง มีธุระอะไรกับห้องธุรการของมหา’ลัยเหรอคะ”
อาจารย์ประจำห้องธุรการคนหนึ่งเอ่ยถาม เช้านี้ผมรีบมาที่มหา’ลัยเพื่อจะค้นหาความจริงบางอย่างที่ค้างคาตั้งแต่เมื่อวาน
ความจริงที่เจ้าลิงหัวแดงคนนั้นเพ้อออกมา
“ผมต้องการประวัติของนักศึกษาคนหนึ่งน่ะครับ ดูเหมือนเขาจะไม่สบายจนต้องไปห้องพยาบาลบ่อยๆเลยอยากจะลองดูพวกประวัติการรักษาต่างๆ เผื่อถ้ามีอะไรหนักหนาหรือฉุกเฉินขึ้นมา ผมจะได้รู้ว่าควรรักษาเขาหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นยังไง เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนักศึกษาโดยมีสาเหตุมาจากเรื่องแบบนี้ คงไม่ส่งผลดีต่อมหา’ลัยแน่ จริงไหมล่ะครับ”
โกหกออกไปคำโต
เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูดก่อนจะเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์และอัพโหลดข้อมูลของนักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัยขึ้นมาให้ผมแล้วขอตัวไปทำงานเรื่องเอกสารต่อ
มหาวิทยาลัยนี้จะมีข้อมูลตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันของเด็กทุกคน แม้แต่ข้อมูลดิบที่ทางมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องรู้ก็จะมีด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกฎเคร่งรัดว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวออกไปเด็ดขาด รู้สึกว่าที่ต้องให้บอกข้อมูลทุกอย่างตามความเป็นจริงจะเป็นเพราะเมื่อจบการศึกษาจากที่นี่ไปแล้ว หากผู้ปกครองท่านไหนเงินถึงมากพอ จะสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติของบุตรหลานตัวเองได้ทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการเข้าทำงานหรือเป็นโปรไฟล์สุดหรูในชีวิตเพื่อใช้อวดอ้างกับตระกูลอื่น
ผมรอจนแน่ใจแล้วเธอสนใจอยู่แค่กับงานที่ต้องทำเท่านั้นจึงลงมือกรอกชื่อนามสกุลและชั้นปีของไต้ฝุ่นลงไป รอสักพักข้อมูล ‘ลับ’ ทั้งหมดที่ต้องการก็ปรากฏขึ้นมา อาศัยจังหวะที่เธอยังไม่ได้ให้ความสนใจกดก๊อปปี้ข้อมูลทั้งหมดลงเวิร์ดแล้วส่งเข้าอีเมลของตัวเองเพื่อไปอ่านต่อคนเดียว ขืนนั่งอ่านมันโต้งๆตรงนี้มีหวังโดนจับได้แน่ๆ
คลิก!
เรียบร้อย…
ผมกดปิดข้อมูลทั้งหมดแล้วเดินกลับไปหาเธอด้วยท่าทางปกติทุกอย่าง หญิงสาวที่กำลังคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้นเงยหน้าขึ้นมองผม
“เรียบร้อยแล้วเหรอครับ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ผมมารบกวนแต่เช้า”
“ยินดีค่า ว่าแต่…เรื่องตรวจสุขภาพนักศึกษาวันนี้เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมคะ อาจารย์จะต้องตรวจสุขภาพเด็กอภิสิทธิ์ปีหนึ่งทุกคนค่ะ อ้อ เฉพาะนักศึกษาชายเท่านั้น ไม่ต้องห่วงค่ะ”
“เรียบร้อยดีครับ ได้เวลาเมื่อไหร่ก็ให้เด็กอภิสิทธิ์ไปที่ห้องพยาบาลได้เลย ถ้าอย่างนั้นผมขอไปเตรียมตัวต่อก่อนนะครับ”
ผมและเธอโค้งศีรษะให้กันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
ในแต่ละปีทางมหาวิทยาลัยจะมีการเรียกแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่ตกลงทำสัญญากันไว้ให้มาตรวจสุขภาพนักศึกษาทุกคน แต่เฉพาะเด็กอภิสิทธิ์ที่มีข้อมูลลับเท่านั้นที่จะต้องได้รับการตรวจโดยอาจารย์ประจำห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัยเท่านั้น เนื่องจากบางครั้งจะมีหนึ่งในเด็กอภิสิทธิ์ทั้งหมดเป็นโรคประจำตัวที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ ผมจึงจำเป็นต้องตรวจเด็กเหล่านี้เองทั้งหมด
เมื่อวานนี้หลังจากทำแผลเสร็จ ผมก็นั่งรออยู่เป็นชั่วโมงกว่าไต้ฝุ่นจะฟื้น พอฟื้นขึ้นมาเลยไล่ให้กลับบ้านไปทันที โชคดีที่ยังมีอาจารย์คนอื่นอยู่ พอพวกเขาแวะเข้ามาคุยด้วยผมเลยหาเรื่องปลีกตัวแยกออกมา ไม่อย่างนั้นอาจถูกความพยายามอันน่าสะพรึงกลัวของหมอนั่นตามตอแยจนถึงบ้านก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่เจ้าลิงหัวแดงเพ้อเอาไว้ก็ทำให้ผมคิดมากอยู่ไม่น้อย ปกติเป็นพวกถ้าสงสัยอะไรแล้วต้องหาคำตอบให้ได้ ลงท้ายผมเลยต้องมาขุดคุยหาข้อมูลลับของเด็กนั่นแบบนี้ยังไงล่ะ
แอ๊ด…
กลับเข้ามาในห้องพยาบาลที่ไม่มีใครนอกจากผมเหมือนเดิม รีบตรงไปที่โต๊ะเพื่อจะเปิดดูข้อมูลจากในอีเมล คำพูดที่เด็กคนนั้นเพ้ออกมาย้อนกลับเข้าในความคิดอีกครั้ง การที่ไต้ฝุ่นเข้าเรียนที่นี่ได้อย่างน้อยเขาจะต้องไม่ใช่เด็กธรรมดา ถ้าไม่ได้ร่ำรวยก็จะต้องมีแววอัจฉริยะ เด็กในสองเคสนี้มีอะไรให้ข้องเกี่ยวกับคำว่าฆาตกรกันนะ?
“เอาล่ะ…”
คลิก!
ข้อมูลต่างๆที่ก๊อปปี้มาถูกอัพโหลดขึ้นที่หน้าจอจนหมด ผมไล่อ่านประวัติทุกอย่างไปคร่าวๆโดยไม่สนใจนัก สิ่งที่ผมต้องการจะรู้คือข้อมูลลับที่ว่าต่างหาก
‘ข้อมูลลับ : เคยตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายเมื่อตอนอายุสิบสามปี ผู้ตายเป็นพ่อเลี้ยงขอบนักศึกษาที่มักจะดื่มเหล้าจนเมาและกลับมาตบตีทำร้ายนักศึกษากับแม่เป็นประจำ จนกระทั่งนักศึกษาทนรับมันต่อไปไม่ไหว จึงใช้มีดแทงสวนไปตอนที่แม่และตนเองกำลังถูกพ่อเลี้ยงรุมตบตีจนเลือดตกยางออก แต่ด้วยความที่ยังเป็นเยาวชนและทนายของนักศึกษาก็บอกว่าเป็นเพียงการทำไปเพื่อป้องกันตัวไม่ได้มีเจตนา ลุงของนักศึกษาซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของพ่อที่แท้จริงแต่ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังแบเบาะจึงรับไปดูแลต่อ เพราะแม่ของนักศึกษามีอาการทางประสาทและเอาแต่ด่าทอว่าลูกชายของตัวเองเป็นฆาตกร นับแต่นั้นนักศึกษาจึงอยู่ในความดูแลของลุงที่มีฐานะเป็นถึงประธานบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อประเทศเป็นอย่างมาก ล่าสุดก่อนจะจบชั้นมัธยมปลายเมื่อสามปีก่อน นักศึกษาได้มีการยกพวกถล่มกับคู่อริ เหตุการณ์คราวนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย แต่ไม่ทราบรายละเอียดการตายใดๆของผู้เสียชีวิต และข่าวนี้ถูกปิดเงียบด้วยอำนาจที่ลุงของนักศึกษามี’
ผมไล่อ่านข้อมูลลับทั้งหมดจนจบ พอจะเข้าใจคำว่าฆาตกรที่ไต้ฝุ่นเพ้อแล้ว แต่…หมายความว่ายังไงว่าจบชั้นมัธยมมาสามปีแล้ว?!
เจ้าเด็กนั่นเพิ่งอยู่ปีหนึ่งไม่ใช่หรือไง
“อายุเท่าไหร่กันแน่นะ”
ผมเลื่อนข้อมูลกลับขึ้นไปหน้าข้อมูลทั่วไปที่จะบอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด ศาสนา และเชื้อชาติต่างๆ
‘02/07/25XX’
“จบชั้นมัธยมปลายมาสามปีแล้วจริงๆด้วย แล้วทำไมถึงเพิ่งจะขึ้นปีหนึ่งเอาตอนนี้ล่ะ เดี๋ยวนะ นี่มัน…”
‘ข้อมูลทางด้านการศึกษา จบชั้นอนุบาลจากโรงเรียนหมีน้อย จบชั้นประถมจากโรงเรียนหมีเล็ก จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนหมีใหญ่ ต่อมหาวิทยาที่อังกฤษได้สองปีก็ลาออกก่อนจะกลับมาเรียนปีหนึ่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้’
เรียนใหม่?
ทำไมกันล่ะ มีเหตุผลอะไรที่เด็กคนนั้นต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยที่อังกฤษด้วย แถมยังลาออกเพื่อมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้น่ะเหรอ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหน แปลว่ามีเหตุผลให้ต้องมาที่นี่ให้ได้เท่านั้น
“ชื่อจริงของหมอนี่…คุ้นๆยังไม่รู้”
ผมลูบคางพลางคิดว่าเคยได้ยินชื่อกับนามสกุลของไต้ฝุ่นจากที่ไหน ความจริงตั้งแต่ตอนหมอนั่นแนะนำตัวผมก็สะกิดใจมาตลอดแล้วล่ะว่าเหมือนจะเคยได้ยิน แต่เพราะในทุกๆปีผมจะต้องรู้ชื่อของพวกเด็กอภิสิทธิ์เพิ่มตั้งมากมายก็เลยคิดว่าอาจจะไปชื่อคล้ายกับเข้าจึงไม่ได้สนใจ
“เด็กอภิสิทธิ์?”
อะไรบางอย่างสะกิดใจจนผมต้องค้นเอารายชื่อเด็กอภิสิทธิ์ในปีนี้ออกมาดู ทั้งหมดสี่สิบสี่คน เป็นผู้หญิงยี่สิบคนและผู้ชายยี่สิบสี่คน ผมเลือกเอาเฉพาะเอกสารของนักศึกษาชายออกมาไล่ดูรายชื่อทีละคนๆ
‘นายไต้ฝุ่น เจริญพาณิชย์’
“เด็กอภิสิทธ์?!!!”
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจกับข้อมูลล่าสุดที่ค้นพบ ที่ติดใจเรื่องชื่อของเจ้าลิงหัวแดงนั่นมาตลอดเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง
ถ้าอย่างนั้นยิ่งแปลก ตัวเองเป็นเด็กอภิสิทธิ์แท้ๆ แต่กลับทำในสิ่งที่พวกเด็กอภิสิทธิ์ไม่มีวันทำนั่นคือปกป้องเด็กไร้ประโยชน์ที่จะต้องถูกลบทิ้ง?! การกระทำแบบนั้นเท่ากับเป็นปรปักษ์ต่อเหล่าเด็กอภิสิทธิ์ในมหาวิทยาลัยทุกคน รวมถึง…
เป็นศัตรูกับเด็กคนนั้น…
อสุรกายแฟนธ่อม
“ให้ตายสิ เจ้านั้นมาที่นี่เพราะจุดประสงค์อะไรกัน ยอมกลับมาเรียนปีหนึ่งใหม่ ย้ายกลับมาจากอังกฤษ เป็นปรปักษ์กับเด็กอภิสิทธิ์ เป็นศัตรูกับอสุรกายแฟนธ่อม ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆด้วย”
ตกใจกว่านั้นคือทำไมผมจะต้องสนใจเรื่องเจ้าลิงหัวแดงนั่นด้วย แต่ไอ้นิสัยมุทะลุทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นมันทำให้อดห่วงไม่ได้จริงๆ เกิดพลาดท่าเป็นฝ่ายถูกทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง
อ่า…ไม่ไหว ทั้งหมดต้องเป็นเพราะผมชื่นชมในการกระทำของเขาแน่ๆ ตั้งแต่เป็นอาจารย์ที่นี่มาสี่ปี ผมไม่เคยเห็นนักศึกษาที่ไหนมีความกล้าขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่ความกล้าที่ทำเพื่อหนีจากพวกเด็กอภิสิทธิ์หรือเป็นการทำเพื่อปกป้องตัวเอง แต่เป็นความกล้าที่จะต่อกรกับเด็กเหล่านั้นและปกป้องคนอื่น…
ฆ่าพ่อเลี้ยงของตัวเองเมื่อตอนอายุสิบสาม แต่คดีถูกสรุปให้เป็นการป้องกันตัว ข้อเท็จจริงไม่มีใครรู้เพราะคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีแค่คนที่ถูกฆ่าตายไปแล้ว ตัวไต้ฝุ่นเอง และ…แม่ของเขาที่มีอาการทางประสาท คิดว่าตอนนี้คงถูกเอาตัวไปซ่อนไว้ที่ไหนด้วยฝีมือลุงของเขาแน่ๆ
ก่อนจบมัธยมปลายมีการยกพวกตีกับอริจนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตหนึ่งคน คดีในคราวนั้นเงียบหายไปราวกับสายลม คิดว่าคงไม่พ้นอำนาจจากลุงของเด็กคนนั้นอีกแน่ๆ อย่างนั้นคงไม่มีข่าวทางทีวีหรือสำนักพิมพ์ใดๆกล้าทำข่าวแน่นอน ความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่มีเพียง…หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจถูกอำนาจสั่งปิดข่าวด้วยเหมือนกัน
เรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อังกฤษได้แค่สองปีก็ลาออกและกลับมาเข้าเรียนที่นี่ในฐานะเด็กปีหนึ่งแทน ไม่มีใครรู้เหตุผลในข้อนี้แม้กระทั่งทางมหาวิทยาลัยเอง
เป็นหนึ่งในเด็กอภิสิทธิ์ของปีนี้ ทว่ากับตั้งตนเป็นปรปักษ์ไม่เข้าร่วมกับเด็กอภิสิทธิ์ในการลงโทษเด็กไร้ประโยชน์ตามคำสั่นของอสุรกายแฟนธ่อม
นี่คือข้อมูลที่สรุปได้ในคราวนี้ ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเป้าหมายหรือสิ่งที่เด็กคนนั้นต้องการคืออะไร รวมถึง…
เรื่องที่พยายามเข้าหาผม
จะเป็นเพราะถูกใจจนอยากจะมีอะไรด้วยแค่นั้นจริงๆหรือเปล่า
ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ผมรีบกดปิดข้อมูลที่หน้าจอและเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าในลิ้นชัก นักศึกษาที่เป็นเด็กอภิสิทธิ์คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
“ขอโทษนะครับอาจารย์ ได้เวลาตรวจสุขภาพประจำปีแล้วครับ”
“อ้อ…ได้สิ ยังไงรอที่ด้านนอกนะ ฉันจะประกาศเรียกเข้ามาทีละคนตามรายชื่อ”
มัวแต่หาข้อมูลของเจ้าเด็กนั่นจนลืมเวลาไปเลย เดี๋ยวสิ ไต้ฝุ่นเองก็เป็นเด็กอภิสิทธิ์เหมือนกัน เท่ากับว่าวันนี้หมอนั่นก็ต้องมาตรวจสุขภาพด้วย
“เอาล่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรจะดีกว่า รอดูท่าทีของเด็กคนนั้นไปก่อน”
บอกกับตัวเองก่อนจะหยิบรายชื่อลำดับการตรวจสุขภาพของเด็กอภิสิทธิ์ไปประกาศเรียกรายชื่อให้เข้ามาทีละคน จากที่มองด้วยสายตาแล้วเหมือนจะยังมาไม่ครบนะ เจ้าลิงหัวแดงเองก็ยังไม่มา…
คนแล้วคนเล่าที่ตรวจเสร็จไป ตอนนี้เหลือเด็กอภิสิทธิ์อีกเพียงแค่สามคนเท่านั้น ไต้ฝุ่นเป็นคนสุดท้ายพอดี…
“คนต่อไปเชิญครับ”
แอ๊ด…
ประตูห้องพยาบาลเปิดออก นักศึกษาผอมบางและส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานของชายไทยทั่วไปมากๆ เดินห่อไหล่ไว้ผมทรงกะลาครอบหวีจนเลียบแถมยังสวมแว่นติ๋มเหมือนผมอีก ต่างกันตรงที่เจ้าเด็กนี่ติ๋มของจริง!
“ขะ…ขะ…ขออนุญาตครับ”
“เชิญ นายคือจอมฟ้าสินะ”
“คะ…ครับ”
“ถอดเสื้อได้เลย เดี๋ยวจะวัดขนาดตัว ชั่งน้ำหนัก วัดความดันกัน”
จอมฟ้าพยักหน้ารับ เดินก้มหน้าเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะแล้วลงมือถอดเสื้อออกตามคำสั่ง นึกว่าเด็กอภิสิทธิ์ในปีนี้จะมีไต้ฝุ่นคนเดียวเสียอีกที่แปลก คิดไม่ถึงว่าจะมีเจ้าหมอนี่อีกคน
ท่าทางแบบนี้เป็นเด็กอภิสิทธิ์ได้เพราะอะไรกันนะ?
ผมเริ่มลงมือตรวจสุขภาพของเขาเหมือนนักศึกษาก่อนหน้านี้ ผลตรวจออกมาว่านอกจากส่วนสูงจะต่ำกว่ามาตรฐานแล้วน้ำหนักยังน้อยเกินไปอีกด้วย ความดันและอัตราการเต้นของหัวใจปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวหรือภาวะแทรกซ้อนใดๆ ที่ทำให้ดูเหมือนขี้โรคเห็นทีจะเป็นเพราะบุคลิกของเจ้าตัวเองนั่นแหละ
“ทั้งหมดก็ตามนี้นะ ยังไงพยายามออกกำลังกายบ้าง วิ่งสักวันละยี่สิบนา ซิทอัพวันละยี่สิบครั้งก็ได้ อย่าน้องร่างกายจะได้เฟิร์มขึ้นด้วย”
“คะ…คะ…ครับ ผมจะทำตามที่อาจารย์บอก ขะ…ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”
“นี่นาย ถ้าจะขอบคุณก็หัดมองหน้าคนอื่นเขาด้วยสิ หน้าฉันแปะอยู่บนพื้นหรือไง”
“ขะ…ขอ…ขอ…ขอ…ขอ…ขอ…ขอ”
“เอาล่ะ! พอได้แล้ว ไปเรียนได้แล้วล่ะ ไม่เป็นไร”
ทันทีที่ผมอนุญาต จอมฟ้าก็หันกลับพุ่งพรวดออกไปทันที คิดว่าไต้ฝุ่นแปลกแล้วนะ แต่เด็กคนเมื่อกี้มัน….
แปลกยิ่งกว่าแปลกอีก!!!
“คนต่อไปเชิญ”
แอ๊ด…
ประตูห้องพยาบาลเลื่อนเปิดออก ผมก้มลงอ่านประวัติของเด็กอภิสิทธิ์คนนี้ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าตัว ทว่า…
“เอ่อ…ขอโทษนะนักศึกษา ที่นี่ตรวจแต่นักศึกษาผู้ชายเท่านั้น นักศึกษาผู้หญิงต้องไปอีกตึกหนึ่ง”
นักศึกษาสาวแสนสวย เจ้าของดวงตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทุกอย่างบนใบหน้าของเธออย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าดูจากส่วนสูงและความกว้างของบ่าแล้วจะค่อนข้างเกินมาตรฐานหญิงไทยไปหน่อยก็ตาม
“ฉันมาตรวจสุขภาพค่ะ”
“ฉันรู้ แต่ตึกของนักศึกษาหญิง… เฮ้ย! เธอจะทำอะไรน่ะ”
ผมลุกขึ้นพลางชี้ไปทางเธอที่กำลังลงมือปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเอง คงไม่ใช่พวกนักศึกษาสาวที่รู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของผมเลยเกิดความคลั่งไคล้จนคิดจะใช้ร่างกายเข้าแลกหรอกนะ!
“ฉันคือเทียร์ เด็กอภิสิทธิ์คนต่อไป”
“เทียร์เหรอ?!!!”
ผมก้มดูในใบรายชื่ออีกครั้ง เด็กอภิสิทธิ์สองคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ทำการตรวจนอกจากไต้ฝุ่นแล้วก็คือนักศึกษาที่ชื่อเทียร์!
‘ใบหน้าสวยสง่าเหมาะสมกับนิสัยที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง ชายหนุ่มผู้ได้รับฉายาว่าราชินี’
พรึ่บ…!
ทันทีที่อ่านลักษณะเฉพาะตัวของเด็กอภิสิทธิ์ที่ชื่อเทียร์คนนี้จบ เจ้าของชื่อก็ถอดเสื้อนักศึกษาหรับผู้หญิงและกระโปรงนึกศึกษาแบบยาวคลุมถึงข้อเท้าทิ้ง เผยให้เห็นร่างกายที่สวมเพียงบ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว
ไม่ใช่แค่ไต้ฝุ่น กับจอมฟ้าเท่านั้นที่แปลก…
ไอ้หมอนี่มันแปลกกว่าตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง!!!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย**:**
มาอัพแล้วจ้า ตัวละครหลักปรากฏออกมาครบแล้ว!!! (เหลือเพียงแฟนธ่อมที่ปรากฏมาแค่ชื่อเท่านั้น) ความวุ่นวายหลังจากคงทวีคูณเป็นสิบเป็นร้อยเท่า เหนือสิ่งอื่นใดคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของไต้ฝุ่นต่างหาก ถ้าอายุจริงของเขาสมควรที่จะอยู่ปีสามแล้ว มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องลาออกจากมหาลัยที่อังกฤษเพื่อมาเรียนที่นี่ด้วย? หนำซ้ำ…ไต้ฝุ่นเองก็เป็นหนึ่งในเด็กอภิสิทธิ์เหรอเนี่ย?! เอาใจช่วยอาจารย์สุดหล่อคนนี้รับมือกับสามเด็กแปลกที่เป็นเด็กอภิสิทธิ์ทั้งหมดด้วยนะคะ