บทที่ 16
อิงฮวาถูกพาตัวไปตามทางเดินที่ซับซ้อน ตรงไปยังตำหนักเล็กๆ หลังหนึ่ง ร่างบางถูกผลักให้เข้าไปในตำหนักอย่างหนักมือ จนล้มลงไปนั่งกับพื้นที่เย็นเชียบ นางค่อยๆทะลวงจุดที่ถูกสกัดของตนช้าๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมองไปรอบๆ แม้ข้างนอกยังสว่างอยู่แต่เมื่อเข้ามาในตำหนักหลังนี้ทุกอย่างราวกับเป็นราตรีกาลที่มืดสนิท ด้านบนเพดานมีช่องเล็กๆสองรู ไว้คอยระบายอากาศ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ลมหนาวเย็นจากด้านนอกเข้ามาภายในได้อย่างสะดวก มีเพียงตรงนี้เท่านั้นที่แสงสามารถรอดเข้ามาด้านในได้ คล้ายแสงจันทร์ดวงน้อยๆ รอบข้างล้วนเป็นผนังทึบไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างสักบาน มีเพียงประตูเท่านั้นที่เป็นช่องทางเชื่อมระหว่างภายในกับโลกภายนอก หากแต่บัดนี้ประตูก็ได้ถูกปิดสนิทเสียแล้ว นี่มันตำหนักบ้าอะไรกันนี่
ไม่นานอิงฮวาก็สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับตำหนักเย็นนี่ได้ นางอาศัยแสงจากรูเล็กๆบนเพดานมองสำรวจไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ เบื้องหน้าของนางเป็นรูปปั้นผานกู่ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่น ใบหน้าถมึงทึง ดวงตาเกรี้ยวกราด บนหัวมีเขาแหลมคม ตามตัวเต็มไปด้วยขนปกคลุม ให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่น เมื่อรวมกับบรรยากาศเย็นยะเยือกในห้องแล้ว ราวกับนางกำลังอยู่ในอีกโลกที่ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย
อิงฮวาอดที่จะถอยหลังไปสามก้าวไม่ได้ ขนอ่อนตามตัวพากันลุกขึ้นทั่วร่างจนนางต้องเอามือถูตามแขนของนางเบาๆ ด้วยอากาศที่ปกติจะเย็นอยู่แล้วของแคว้นชาง บวกกับบรรยากาศของตำหนักมืดแห่งนี้ ทำให้อิงฮวารู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูก เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ไม่ได้นับว่าช่วยอะไรได้มากนัก เพราะนางตั้งใจจะอาบน้ำหลังจากเล่นลูกหนังเสร็จจึงไม่ได้ใส่เสื้อให้หนานัก นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาถูกขังเช่นนี้ โชคไม่เข้าข้างนางเอาเสียเลย
เมื่ออิงฮวาสังเกตดูจนทั่วแล้วก็ไม่พบอะไรไปมากกว่ารูปปั้น และกระถางธูป นางจึงค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงบนพื้นที่เย็นเชียบ ชันขาทั้งสองข้างขึ้น สองแขนเรียวกอดเข่าของตนเองเอาไว้ พยายามให้ความอบอุ่นกับตัวเองให้มากที่สุด สายตาก็สอดส่องหาวิธีออกไปจากตำหนักแห่งนี้ ด้านนอกประตูถูกเฝ้าอย่างแน่นหนา ต่อให้ใช้กำลังก็คงออกไปลำบาก หากจะรอให้จิ้นหยางมาช่วย แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่านางถูกไทเฮาจับมาขังไว้ที่นี่ ไทเฮาคงถ่วงเวลาเอาไว้แน่ ตอนนี้นางทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งหนาว ให้รออีกสองชั่วยามจนฟ้ามืดก็คงไม่ไหว คงได้จับไข้อีกรอบเป็นแน่
“วันนี้คงเป็นวันซวยของข้ากระมัง” อิงฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ อดตัดพ้อกับตนเองเสียไม่ได้ ทันใดนั้นใบหน้างามก็พลันปรากฏรอยยิ้มเล็กๆขึ้นที่มุมปาก ดวงตากลมโตกวาดสายตามองหาสิ่งของที่ต้องการ ก่อนจะพบว่ามันถูกวางอยู่ไม่ไกลจากแท่นบูชามากนัก หญิงสาวลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังสิ่งของที่ตนหมายตา หยิบมันขึ้นมามองด้วยสายตาเป็นประกาย ในเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ก็เผามันซะเลยจะเป็นไรไป