ตอนที่****2
สั่งสอนเด็ก
“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมีประชุมที่คณะด้วย”
รอจนเสียงของอาจารย์ทั้งสองคนทิ้งห่างออกไป เจ้าลิงหัวแดงสไลด์ลงจากหลังมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแทน สายตาที่จ้องเขม็งมากำลังพยายามทำให้มันดูยั่วยวนมากที่สุด ขณะที่สองมือง่วนอยู่กับการปลดเข็มขัดของผมออก
ท่าทางเงอะๆงะๆแบบนี้ดูยังไงๆก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย ไม่สิ เอาแค่มีอะไรกับใครดีกว่า ผมฟันธงว่าเด็กคนนี้ยังเวอร์จิ้นชัวร์ๆ แต่ทำไมต้องมารุกใส่ผมขนาดด้วยก็ไม่รู้?
หมับ!
ผมจับข้อมือทั้งสองนั่นไว้แล้วบีบมันเบาๆ ฉุดให้ไต้ฝุ่นลุกขึ้นยืนก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ติดกำแพง ล็อกข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วตรึงไว้เหนือหัวของเขา อีกฝ่ายทำหน้าตาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“นายอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉันจริงๆเหรอ ก่อนหน้านี้เหมือนจะเคยบอกว่าแค่ครั้งเดียวก็ได้ หมายความว่าถ้าเรามีอะไรกันครั้งหนึ่งอย่างที่นายต้องการ นายก็จะไม่มาวุ่นวายกับฉันอีกสินะ?”
“ชะ….ใช่ครับ ผมขอแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น”
“ถ้าแค่ครั้งเดียว จะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องเจาะจงเป็นฉันด้วย หรือความจริงแล้ว…นายมีเป้าหมายอย่างอื่น”
ผมสอดขาเข้าไปแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของไต้ฝุ่น ใช้เขาดันแหวกเรียวขาสองข้างนั้นให้ออกห่างจากกันก่อนจะชันเขาขึ้นไปดันตรงกลางเป้าซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความอ่อนไหวในร่างกายของผู้ชายทุกคน
คนตัวเล็กที่ถึงแม้ภายนอกจะห้าวเป้งและน่ากลัวสั่นระริก ข้างแก้มมีเม็ดเหงื่อไหลอาบลงมา
“ผมเปล่านะ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรสักหน่อย ก็แค่…อาจารย์หล่อดี เลยอยากจะลองนอนด้วยสักครั้งก็เท่านั้น”
“พูดจริงเหรอ? แค่หล่อเท่านั้นก็อยากจะนอนด้วยแล้ว? แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายเวลาที่เขามีอะไรกัน มันต้องทำยังไง”
“ระ…รู้สิ! เห็นแบบนี้แต่ผมก็นอนกับผู้ชายมาหลายคนแล้วนะ อย่ามาดูถูกกันเลยครับ”
“หึๆ”
ผมเหยียดยิ้มขำ แค่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันเขายังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกหกว่าตัวเองช่ำชองเรื่องแบบนั้น การที่จู่ๆเข้าหาผมที่เพิ่งเคยเจอกันแค่วันเดียวแล้วรุกใส่อยากได้เป็นผัวมาตลอดอาทิตย์มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่
เด็กคนนี้คิดจะทำอะไร?
“งั้นนายก็คงจะรู้จักสัมผัสแบบนี้ดีใช่ไหม…”
ยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูเบาๆก่อนจะเป่าลมใส่ มืออีกข้างที่ว่างลูบไล้ร่างกายที่มีกล้ามอยู่เล็กน้อย บีบเคล้นในบางจุดก่อนจะไปหยุดที่ยอดอกซึ่งยังจำศีลสงบนิ่งอยู่ในถ้ำ
“อื้อ!”
ไต้ฝุ่นร้องครางขึ้นมาเมื่อถูกผมใช้ปลายนิ้วบดขยี้ตุ่มไต่น้อยๆภายใต้เสื้อกล้ามนั่น ร่างกายที่สั่นอยู่ก่อนแล้วทวีคูณแรงสั่นขึ้นอีกหลายเท่า…
จะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำ
“ให้ผมช่วยงั้นเหรอ อย่าพูดดีไปหน่อยเลย นายกับฉันกระดูกมันคนละเบอร์ อย่าคิดจะท้าทายผู้ใหญ่ด้วยคำพูดยั่วยวนแบบนั้น มันไม่ส่งผลดีต่อนายเลย”
ไล้ปลายจมูกเบาๆที่ข้างแก้ม ลากต่ำมายังลำคอที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด แต่กลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งเด็ก…
หมอนี่…โตจนป่านนี้ยังจะใช้แป้งเด็กทาตัวอีกเหรอ?
เป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเหลือเชื่อในตัวเจ้าลิงหัวแดงที่ผมค้นพบ
“อ๊ะ!”
เสียงครางเริ่มหวานขึ้นเรื่อยๆไปตามอารมณ์ของร่างกาย ตุ่มไตขางหนึ่งแข็งชูชันจากการถูกปลุกเร้า ขณะที่อีกข้างยังนอนสงบนิ่งอยู่ ผมควรจะทำให้มันเท่าเทียมกันดีไหมนะ?
ตุ้บ…
ขณะที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงกับยอดอกอีกข้างดี ร่างเล็กก็ร่วงตุ้บไปนั่งกองกับพื้นด้วยแข้งขาอ่อนแรงทั้งที่ข้อมือทั้งสองข้างยังถูกผมล็อกเอาไว้ เห็นแบบนั้นจึงปล่อยให้เป็นอิสระก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาคนที่กำลังตัวสั่นในตอนนี้
“ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้มากพอ อย่าริอาจไล่ตามใครแบบนี้อีกนะ เด็กน้อย…”
ลูบหัวเจ้าลิงหัวแดงสองสามทีเป็นการทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากน้ำไป หวังว่าผมคงไม่ได้ทำเกินเหตุหรอกนะ แต่ถ้าไม่สั่งสอนเสียบ้าง หมอนั่นคงไม่ยอมหยุดและยังเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเองต่อไป
เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยันค่ำ
โครม!
“มาแล้ว ไอ้หมอนี่แหละที่แพ้เด็กมหา’ลัยอื่นตอนไปแข่งพูดภาษาอังกฤษเมื่อวันจันทร์”
นักศึกษาชายที่หน้าตาจัดได้ว่าดูดีทีเดียวถูกโยนเข้าไปกลางวง ผมก้มมองดูเหตุการณ์พลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปากไปด้วย
วันนี้เป็นวันลงโทษเด็กที่ไร้ประโยชน์ ผมเลยมารอแบกเด็กที่ถูกลงโทษไปห้องพยาบาลเหมือนทุกที แต่เพราะวันนี้มีนักศึกษามาร่วมวงด้วยมากเป็นพิเศษ เลยต้องเปลี่ยนสถานที่รอขึ้นมารอบนตึกแทน มันไม่ไกลจากมุมอับนั้นเท่าไหร่ผมเลยพอจะมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ชัดเจน
“ยะ…ยกโทษให้ผมด้วยเถอะ ครั้งหน้าผมจะชนะให้ได้ครับ นะครับ!”
เป้าหมายยกมือไหว้ท่วมหัวเพื่อขอร้อง เป็นภาพที่น่าเวทนาเกินกว่าจะทนมองได้จริงๆ
ฟู่…
ผมหันหลังให้สิ่งที่เกิดขึ้น พิงกับระเบียงและแหงนหน้ามองท้องฟ้าแทน พลันเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเป้าหมายก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเด็กอภิสิทธิ์เหล่านั้น มือที่ถือบุหรี่เกร็งจนสั่นไปหมด สุดท้ายบุหรี่ที่เพิ่งสูบไปได้เพียงนิดเดียวก็ถูกผมโยนทิ้งและใช้เท้าบดขยี้มันจนไฟมอดดับไป
“พวกขยะไร้ค่าน่ะหายไปซะ! ท่านแฟนธ่อมไม่ต้องการให้มีขยะอยู่ในมหา’ลัยของเราหรอก!”
พลั่ก! ตุ้บ! ผลั่วะ!
แฟนธ่อม…
เด็กคนนั้นคือคนคอยบงการพวกเด็กอภิสิทธิ์อีกทีสินะ…
“หยุดนะเว้ยยย!”
“!!!”
ดวงตาเบิกกว้างกับเสียงที่คุ้นเคย ผมหันกลับไปมองมุมอับนั้นอีกครั้ง ในใจภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด…
บ้า…
เจ้าลิงหัวแดงนั่น จะบ้าก็บ้าให้มันมีลิมิตหน่อยสิ!
“พวกแก…!”
พลั่ก!
เด็กอภิสิทธิ์ที่กำลังเหยียบหัวของเป้าหมายอยู่ถูกไต้ฝุ่นกระโดดถีบเต็มแรง ไม้กวาดของพวกแม่บ้านถูกนำมาเป็นอาวุธ ( แอบไปจิ๊กมาตอนไหนล่ะนั่น ) เจ้าลิงหัวแดงวาดวงกวาดด้ามไม้กวาดเป็นวงกลมไม่ให้ใครเข้าถึงได้ก่อนจะตรงเข้าไปพยุงเป้าหมายขึ้นมา
“แกอีกแล้วเหรอไอ้ปิศาจหัวแดง!”
“เออ! ฉันเองแหละ พวกแก…พวกแกรังแกคนอื่นอีกแล้วเหรอ!”
“นี่มันเป็นวิธีลงโทษเด็กไร้ประโยชน์! เป็นวิธีที่ท่านแฟนธ่อมขึ้นมาเพื่อกำจัดขยะไร้ค่า แกอย่ามาขวางจะดีกว่าถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปด้วย!”
“คำก็ไร้ประโยชน์ สองคำก็ขยะ! แล้วพวกแกคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนกันวะ มันก็หลุดออกมาจาก (เซ็นเซอร์นะจ๊ะ)แม่เหมือนกันนั่นแหละเฟ้ย!”
“อุ๊บ…”
ผมกลั้นขำอย่างเต็มที่ หลุดออกมาจาก(เซ็นเซอร์อีกรอบ…)แม่เหมือนกันงั้นเหรอ? เป็นคำด่าที่สมกับเป็นหมอนี่ดีเหมือนกัน
“ต่ำที่สุด”
“กิริมารยาทก็ทราย ทำไมมหา’ลัยถึงรับคนอย่างหมอนี่เข้ามานะ”
บรรดานักศึกษาหญิงพากันกระซิบกระซาบจนดังระงม ไต้ฝุ่นอ้าปากจะโต้กลับทว่าใครบางคนปาก้อนหินอัดเข้าที่หน้าเสียก่อน
“จัดการมันไปด้วยเลย ถึงท่านแฟนธ่อมจะไมได้สั่ง แต่ถ้าท่านรู้ว่ามันมาขัดขวางการลงโทษเด็กไร้ประโยชน์ยังไงมันก็ต้องถูกเล่นงานแน่!”
“ใช่ๆ จัดการมันไปด้วยเลย”
นักศึกษาที่มาชุมนุมทั้งหมดต่างก้มลงเก็บก้อนหินบนพื้นแล้วปาใส่ไต้ฝุ่น ผมคิดว่าเดี๋ยวจะต้องล่าถอยไปตั้งหลักก่อนแน่ๆ ทว่าสิ่งที่เด็กคนนั้นทำกับเป็นเอาตัวเข้าบังและปกป้องเป้าหมายเอาไว้พร้อมกับเขยิบตัวถอยห่างออกมาจากมุมอับไปเรื่อยๆด้วย
“อ๊ะ!”
หินก้อนใหญ่ถูกปาเข้าเต็มๆหัวจนเลือดไหลอาบลงมา เมื่อหลุดพ้นจากมุมอับมาได้ไต้ฝุ่นก็ผลักเป้าหมายจนกระเด็นไปไกล
“ไปซะ! รีบไปให้ไกลจากไอ้โรคจิตพวกนี้ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
เป้าหมายที่กำลังตื่นกลัวรีบวิ่งหนีไปตามที่คนมาช่วยชีวิตเอาไว้บอกทันที เหลือไต้ฝุ่นตกเป็นเป้าเพียงคนเดียวท่ามกลางเด็กอภิสิทธิ์นับสามสิบคน!
อย่าบอกนะว่าเด็กที่ผมจะต้องแบกกลับไปห้องพยาบาลในวันนี้จะเป็น…
หมอนี่…
ชิ้งงงงงง!
แววตาของเจ้าลิงหัวแดงเปลี่ยนไปเมื่อรอบตัวไม่มีเป้าหมายอื่นๆอยู่แล้ว ไม้กวาดที่เป็นอาวุธถูกโยนทิ้งไปไกล ดวงตาปิศาจแมววาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว รอยยิ้มร้ายดุจผีกระหายเลือดของเขากำลังเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
“หึๆไม่มีตัวประกันอ่อนแอมาคอยขัดแข้งขัดขาแล้ว คราวนี้พวกแกก็เตรียมรับโทษกับสิ่งที่ทำลงไปได้เลย!!!”
“อ๊ากกกกกก!”
เพียงพริบตาเดียว จากในตอนแรกที่ผมคิดว่าไต้ฝุ่นจะเสียเปรียบ สถานการณ์พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างรวดเร็ว บรรดาเด็กอภิสิทธิ์ถูกซัดจนหมอบและโยนไปกองรวมกันเอาไว้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ชิ้งงงง!
ไต้ฝุ่นตวัดดวงตาแข็งกร้าวไปทางเด็กอภิสิทธิ์ที่เป็นผู้หญิง เดินหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บพลางทำหน้าเหมือนพวกกุ๊ยข้างถนนจะแซวสาวเข้าไปหาพวกเธอ
“ไงล่ะ อยากจะไปนอนกองรวมกันแบบนั้นบ้างไหม!”
“กรี๊ดดดดด!”
แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำเอาวงแตก พวกผู้หญิงต่างพากันวิ่งหนีชุนละมุน เห็นทำท่าเหมือนจะหาเรื่องเลยเผลอคิดไปแวบหนึ่งว่าหมอนั่นจะเล่นงานผู้หญิงด้วย ที่แท้แค่ขู่เท่านั้น…
ตุ้บ!
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้งเมื่อเจ้าลิงหัวแดงทรุดลงไปกับพื้น เลือดจากศีรษะยังไหลไม่หยุด พอๆกับใบหน้าที่เริ่มซีดลงเรื่อยๆ กว่าจะรู้สึกตัวอีก ขาของผมก็พาตัวเองวิ่งลงจากตึกมาอยู่ข้างหน้าเด็กที่ไม่รู้จักกลัวอะไรเลยอย่างเขาแล้ว
“กะแล้ว…ว่าอาจารย์ต้องมา”
“ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ เจ็บตัวไม่ใช่น้อยเลยนี่”
“แต่ก็ชนะอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
ไต้ฝุ่นยันตัวลุกขึ้น มือข้างหนึ่งจับหัวข้างที่เลือดออกเอาไว้ พยายามจะออกแรงเดินเข้ามาหาผม ยังไม่ทันจะถึงตัวดี ร่างกายสะบักสะบอมนี้ก็โน้มเอนมาข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก
หมับ…!
“ทำอะไรเกินตัวซะจริง”
บ่นอุบก่อนจะรวบรวมแรงแบกหมอนี่ขึ้นพาดบ่าเดินกลับไปที่ห้องพยาบาล ส่วนเด็กอภิสิทธิ์พวกนั้น…
ผมจะทิ้งเอาไว้ที่นี่
ถือซะว่าเป็นการลงโทษที่บังอาจทำให้เด็กคนนี้ต้องเลือดตกยางออกก็แล้วกัน…
ตุ้บ…
วางไต้ฝุ่นลงบนเตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ หยิบอุปกรณ์ทำแผลมาแล้วเริ่มทำแผลจากจุดที่อันตรายที่สุดคือศีรษะให้เขา ไม่เข้าใจเลยว่าจะเอาตัวเองเข้าไปแทรกกลางการลงโทษพวกนั้นเพื่ออะไร นอกจากจะไม่ได้แล้วอะไรแล้วยังทำให้ต้องเจ็บตัวกลับมาอีก
“ขอโทษ ฉันขอโทษ…”
มือที่กำลังจะกดสำลีลงบนแผลชะงัก ไต้ฝุ่นที่ยังไม่ได้สติเพ้อบางอย่างออกมา มือของเขาเต็มไปด้วยรอยถลอกจากการชกต่อย น่าแปลกที่ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างบอบบาง…
เห็นทีคนที่แปลกจริงๆคือผมนี่แหละ
ผู้ชายที่จัดการคนเป็นฝูงได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีแบบนี้น่ะเหรอจะบอบบาง ใช้ตาตุ่มคิดหรือไงนะเรา?
“ดิน…กลับมา ฉันขอโทษ ดิน…”
“อย่ามาเพ้อถึงชื่อคนอื่นต่อหน้าคนที่นายพยายามจะจับทำผัวสิ”
“ฆาตกร…”
“!!!”
“ฉันไม่อยาก…เป็นฆาตกรอีกแล้ว”
เพ้อออกมาเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหมดสติไปจริงๆ ผมก้มมองใบหน้าของไต้ฝุ่นด้วยความครุ่นคิด ที่เขาพูด…มันหมายความว่ายังไง?
ฆาตกร…
ไม่อยากเป็นฆาตกรอีกแล้ว?
มือที่กำลังปกป้องเด็กที่ถูกรังแกอยู่ในตอนนี้…เคยทำอะไรมาอย่างนั้นเหรอ
บับเบิ้ลบิวชวนคุย**:**
มาอัพตอนที่สองแล้วจ้า! ช่างเป็นมหาวิทยาลัยที่ดำมืดซะจริง แค่ไต้ฝุ่นคนเดียวจะลุยกับคนพวกนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า? แล้วสิ่งที่ไต้ฝุ่นเพ้อออกมาความจริงคืออะไรกันแน่? ดินเป็นใคร? คำว่าไม่อยากเป็นฆาตกรอีกแล้วมีความเป็นมายังไง ร่วมลุ้นและหาคำตอบไปด้วยกันนะคะ อ๊ะๆ แต่เป้าหมายหลักของไต้ฝุ่นยังคงเป็นจับอาจารย์ทำผัวอยู่นะเออ 5555+