แผนการร้าย
จวนของตระกลูจิ้งยิ่งใหญ่ไม่น้อย เฟยหลินมองดูอาณาเขตเรือนที่กว้างขวางแล้วให้คิดย้อนกลับไปถึงสกุลจู ที่นั่นนางเคยคิดว่ากว้างขวางแล้ว แต่แท้จริงขนาดของเรือนทั้งตระกลูยังเทียบไม่ได้แม้แต่พื้นที่ของสวนสกุลจิ้ง มือบางยกน้ำชาขึ้นจิบสายตาทอดมองผ่านหน้าต่างของเรือนที่ได้ชื่อจากท่านสามีป้ายแดงว่าหยกสวรรค์ พลันสายตาก็มองไปเห็น ฉีซือซือ สาวใช้ประจำเรือนใหญ่กำลังเดินตรงมาที่เรือนของนาง ด้วยรูปร่างบอบบางใบหน้าอ่อนหวานเฟยหลินมั่นใจว่านางจะต้องเป็นสาวอุ่นเตียงของนายท่านจิ้งแน่นอน ริมฝีปากบางยกยิ้มผู้ชายเจ้าชู้ถึงว่าสิหลังจากคืนเข้าหอสามีก็มิมาหานางอีกเลย อีกทั้งไม่ได้ยินว่าไปเยือนเรือนฮูหยินคนไหนเช่นกัน สาเหตุเพราะมีสาวงามคอยดูแลที่เรือนใหญ่นั่นเอง น่าแปลกที่ฮูหยินใหญ่มิแสดงอาการโกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไรเลย ฮูหยินคนอื่นๆก็เช่นกัน จิ้งเจิ้งหลี่ใช้วิธีใดกันนะถึงควบคุมสาวงามทั้งหมดไว้ได้เช่นนี้ แต่ไม่ว่าเมื่อก่อนเขาจะทำเช่นไรให้พวกนางสงบ แต่นับจากนี้นางจะกวนให้วุ่นวายเอง ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆสาวใช้คนงามฉีซือซือก็มาถึงเรือนพอดี เหลียนฮวาพานางเข้ามาด้านใน เฟยหลินมองสาวใช้คนงามฉีซือซือตั้งแต่หัวจรดเท้ามุมปากยกยิ้มน้อยๆมองร่างบางก้มศีรษะให้อย่างอ่อนน้อมแล้วให้นึกอยากแก้ลงนัก
“ไม่ต้องมากพิธี มีเรื่องใดก็ว่ามา”
แม้น้ำเสียงจะดูอ่อนโยน แต่ประโยคที่แข็งกระด้างทำเอาหญิงงามฉีซือซือเหงื่อซึมที่ขมับเล็กน้อย
“นายท่านจิ้งให้บ่าวมาเรียนเชิญฮูหยินหกที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ”
เฟยหลินยกชาขึ้นจิบอีกครั้งก่อนวางลงบนป้านชา ริมฝีปากเรียวยกยิ้มทอดสายตามองหญิงงามตรงหน้า แววตาเจ้าเล่ห์เมื่อนึกแผนการบางอย่างออก
“เจ้าชื่อฉีซือซือใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ฉีซือซือรับเสียงสุภาพใบหน้างามยังคงก้มลงมองเพียงพื้นเท่านั้น หากแต่ก้อนเนื้อในอกซ้ายยังคงเต้นระรัวเสียจนห้ามมิอยู่ เด็กสาวตรงหน้าช่างน่ากลัวนัก
“ขยับมาใกล้ๆข้าหน่อยสิ”
ฉีซือซือขยับมาอย่างว่าง่ายตามคำสั่งของฮูหยินหก ในใจนึกหวั่นๆชอบกลด้วยฮูหยินคนอื่นมิมีใครทำเช่นนี้มาก่อน พวกนางล้วนต่างคนต่างอยู่มิข้องแวะเกี่ยวข้องอันใดต่อกัน มือบางเรียวจับปลายคางหญิงสาวตรงหน้าก่อนจดจ้องไปทั่วใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ริมฝีปากบางยกยิ้มยั่วเย้า ใบหน้างามประชิดใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นจนฉีซือซือสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น
“เจ้างดงามมิน้อย”
หัวใจของฉีซือซือพลันเต้นไม่เป็นจังหวะมากกว่าเดิมใบหน้าหวานแดงกล่ำลามไปจนถึงใบหู เฟยหลินมองใบหน้านั้นก่อนยกยิ้มพอใจก่อนประทับจุมพิตลงบนใบหน้างาม ฉีซือซือล้มลงหมดสติในทันที โชคดีที่หลินฟางรับไว้ทันมิเช่นนั้นนางคงล้มลงกระแทกพื้นเป็นแน่ เหลียนฮวามองนายสาวของต้นเองแล้วให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะตลอด5ปีที่ผ่านมานางมิเคยรู้เลยว่านายหญิงที่ตนรักและบูชาจะนิยมเอ่อ..นิยมสตรีเช่นเดียวกันและเหมือนว่านางจะรู้ทันความคิดของเด็กสาวจึงได้ส่งสายตามองมาที่เหลียนฮวา
“หยุดความคิดของเจ้าไว้ตรงนั้นเลยนะฮวาเอ๋อร์ ข้าเพียงจะล้อนางเล่นเท่านั้นมิได้เป็นเช่นที่เจ้าคิด”
เหลียนฮวาก้มหน้างุด เดินเข้าไปช่วยนายหญิงประคองแม่นางซือซือไปนอนที่เตียงริมหน้าต่างซึ่งเป็นมุมโปรดของนายหญิง ใช้เวลาร่วม1เค่อกว่าสตรีร่างบางฉีซือซือจะลืมตาตื่น ทันทีที่ดวงตากลมเห็นใบหน้าของเฟยหลินอยู่ห่างเพียงคืบ จิตใจก็กระสั่นระรัวร่างบางรีบลงจากเตียงลงมาหมอบนั่งก้มหน้าที่พื้นในทันที ช่างน่าแกล้งยิ่งนัก เฟยหลินลงจากเตียงริมหน้าต่างชายตามองหญิงสาวจากเรือนใหญ่ที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วอดอมยิ้มมิได้
"ฮวาเอ๋อร์เตรียมน้ำแกงไก่ตุ๋นเสร็จรึยัง"
"เสร็จแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน"
"เช่นนั้นก็ไปกันเถิด..นำทางสิซือซือ"
ร่างบางที่หมอบพื้นนิ่งพลันสะดุ้งเมื่อถูกเอ่ยถึงเรียกรอยยิ้มให้2นายบ่าวในทันที นายหญิงของนางคงจะเก็บกดมาหลายปีเป็นแน่ จะว่าไปเหลียนฮวาก็ชอบให้นางเป็นแบบนี้เช่นกันดูมีชีวิตชีวากว่าเดิม แล้วก็...น่าสนุกด้วย จิ้งเจิ้งหลี่นั่งอ่านบัญชีอย่างไม่เป็นสุข รู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูกเขาอยากจะแกล้งนางจิ้งจอกน้อยนั่นเหลือเกิน หากแต่นี่ก็นานแล้วนางก็ยังไม่ปรากฎกายสักที ฉีซือเป่า องครักษ์ คนสนิทมองอาการร้อนใจของคนตรงหน้าแล้วอดแปลกใจมิได้ นายท่านเป็นคนสุขุมรอบคอบมาโดยตลอดแต่หากเป็นเรื่องของฮูหยินหกกลับมิเคยสงบได้เลยสักครั้ง ประตูห้องหนังสือเปิดออกฉีซือซือน้องสาวของเขานำฮูหยินหกและสาวใช้ส่วนตัวมาถึงอาการดีใจจนออกนอกหน้าของนายท่านก็ปรากฎก่อนที่จะเก็บซ่อนเอาไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง
"คาราวะท่านพี่"
"นั่งสิฮูหยิน"
ฟางหลินนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับสวามี สายตาทอดมองรอบห้อง สมกับเป็นห้องทำงานของนายท่านจิ้ง คหบดีใหญ่แห่งเมืองโดยแท้ ชั้นหนังสือเรียงรายเต็มไปหมดแต่แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน
"ช่างน่าแปลกใจนักที่ห้องหนังสือของท่านพี่เรียบร้อยได้ถึงเพียงนี้"
"เป็นฝีมือซือซือ"
คำตอบที่มิได้คิดอะไรทำเอาผู้ถูกกล่าวถึงเหงื่อตกตัวสั่น หวังว่าฮูหยินหกจะมิเข้าใจนางผิด
"ช่างเป็นสาวใช้ที่ยอดเยี่ยมนัก นอกจากใบหน้าและเรือนร่างจะงดงาม กิริยาความเรียบร้อยยังโดดเด่น หากนางเกิดในตระกูลชนชั้นกลางขึ้นไป ข้าคงได้เป็นฮูหยินเจ็ดเป็นแน่..."
นั่นไง..งานเข้าจนได้ ซือซือแทบอยากจะทิ้งตัวลงไปร้องไห้เสียตอนนี้ หากแต่ที่ทำได้คือยืนก้มหน้าต่อไป ฉีซือเป่าสงสารน้องสาวยิ่งนักแต่มิอาจช่วยอันใดได้ ความใกล้ชิดและไว้ใจที่นายท่านมีให้นางก็คงไม่แปลกที่จะทำให้ฮูหยินเข้าใจเช่นนั้น จิ้งเจิ้งหลี่มองหน้าสาวใช้คนสนิทแล้วมิเข้าใจสถานการณ์นักเหตุใดเฟยหลินต้องทำเหมือนกำลังหึงหวงเขาเพียงนี้ นี่นางกำลังจะมาไม้ไหนกันแน่ เฟยหลินยกยิ้มหวานเมื่อเห็นแววตาฉงนของสามี ได้แหย่ให้เขาคิดมากสักเรื่องสองเรื่องนางก็มีความสุขแล้ว
"ข้าเห็นท่านพี่ทำงานหนักจึงต้มน้ำแกงไก่มาให้เจ้าค่ะ"
ฉีซือเป่าตั้งท่าจะเข้ามารับหากแต่สายตาของฮูหยินที่มองมายังเขาก็ทำให้เขาต้องชะงักไป
"ข้ายังมิอยากเป็นหม้ายตั้งแต่แต่งงานมิถึงเดือนหรอกท่านซือเป่า"
ซือเป่าเข้าใจความรู้สึกของน้องสาวในทันที หญิงสาวตรงหน้าแม้อายุน้อยแต่กลับน่ากลัวเสียจนเขายังหวั่นใจ
"ดื่มเสียหน่อยนะเจ้าคะท่านพี่.."
ร่างบางส่งเสียงหวาน เสียงหวานอาบยาพิษชัดๆ จิ้งเจิ้งหลี่มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างชั่งใจ เขาก็อยากรู้เช่นกันว่านางจะมาไม้ไหน หลังจากกินน้ำแกงของเฟยหลินแล้ว จิ้งเจิ้งหลี่ก็เริ่มตามแผนของตน
"เจ้ามีความสามารถพิเศษด้านใดบ้างหลินเอ๋อร์"
น้ำเสียงนิ่งสงบหากแต่แววตากับแผงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ หึ..คิดหรือว่านางจะดูไม่ออกว่าเขากำลังหาทางเล่นงานนางเช่นกัน มาลองกันสักตั้งดูสิว่านางหรือเขาจะหงายหลังก่อนกัน
"ข้าช่างไร้ความสามารถมิมีฝีมือด้านใดเป็นพิเศษเจ้าค่ะท่านพี่"
เฟยหลินก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างสำนึก แม้ในใจจะเคืองสวามีเล็กน้อยแต่เรื่องความสามารถพิเศษเช่นฮูหยินคนอื่นนางไม่มีจริงๆนี่นา...
"ช่างน่าเสียดาย ฮูหยินข้าคนอื่นๆล้วนมีความสามารถกันทั้งสิ้น"
พูดเช่นนี้ด่ากันมาตรงๆเลยจะดีกว่าไหมเจ้าคะท่านสามี แต่เอาเถอะหากจะทำให้เขารู้สึกสะใจบ้างก็ปล่อยไป รอทีนางบ้างก็แล้วกันหึ..หึ
"ข้ารู้มาว่าเจ้าพออ่านออกเขียนได้ อีกทั้งบิดาเป็นถึงพ่อค้าที่มีชื่อเสียง เช่นนั้นข้ารบกวนเจ้าเข้าไปดูแลกิจการเครื่องประดับแล้วกัน นี่คือบัญชีร้าน"
คิดว่านางจะกลัวหรือไร...ชาติก่อนนางจบการบัญชีมาย่ะ แค่ร้านร้านเดียวสบายมากมาย อีกอย่างถ้าจะเจ๊งขาดทุนย่อยยับก็ไม่ใช่เงินนางเสียหน่อย ดีเหมือนกันช่วงนี้ยิ่งไม่มีอะไรทำอยู่
"กำไรของร้านข้ายกให้เจ้า แต่ถ้าขาดทุนข้าจะตัดเบี้ยหวัดเจ้า"
นั่นไงนิสัยพ่อค้า ไม่ยอมขาดทุนเลยใช่ไหม หึ!!แต่ก็ช่างประไร ทุกวันนี้นางกินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้เสียอะไรอยู่แล้ว จิ้งเจิ้งหลี่มองเฟยหลินจากไปแล้วยกยิ้มกระหยิ่มในใจ เขาจะคอยดูนางนั่งกุมขมับหัวยุ่ง เพราะร้านเครื่องประดับนั้นแท้จริงเป็นกิจการที่เขากำลังจะปิดตัวอยู่แล้ว เนื่องจากขาดทุนมาหลายปี อีกทั้งนายช่างที่ออกแบบเครื่องประดับเหล่านั้นก็ตายจากไปแล้ว กิจการคงอยู่ได้ไม่นานนัก ให้นางเอาร้านแบบนั่นไปแม้นางคิดผิดคิดถูกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก รอยยิ้มอย่างได้ใจผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง พลันเขาก็รู้สึกร้อนลุ่มในกายขึ้นมา ร่างกายของเขากำลังผิดปกติ สายตาคมหรี่ลงทบทวนเหตุการณ์วันนี้ นางจิ้งจอกน้อยนั่นวางยาเขาเป็นแน่ ร่างกายที่ตอนนี้ร้อนลุ่มไปหมดจนเขาต้องเรียกซือเป่าให้ไล่สาวใช้ในเรือนออกไปให้หมด ลงกรประตูห้ามใครเข้ามาที่ห้องของเขา ก่อนที่จะเอาตนเองไปหลบแช่ในอ่างน้ำร้อนด้านหลังม่าน นางจิ้งจอกน้อย...ฝากไว้ก่อนเถิด ขณะที่อีกฝ่ายกำลังร้อนลุ่มไปทั้งตัว เฟยหลินก็นั่งทอดสายตามองไปที่เรือนใหญ่ ความวุ่นวายหน้าเรือนนั่นบ่งบอกว่ายาของนางคงออกฤทธิ์แล้ว ตอนนี้แค่มาลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้โชคดีในตอนนี้ ที่แน่ๆต้องไม่ใช่นางที่เรือนพักอยู่ไกลสุดเป็นแน่ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม เหตุการณ์ที่ดูวุ่นวายเมื่อครู่กลับดูสงบลง เฟยหลินขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนจะระบายยิ้มกว้าง คงเป็นสาวน้อยจิ้มลิ้มซือซือเป็นแน่ที่โชคดีในคราวนี้ เฟยหลินปิดม่านหน้าต่างลงก่อนจะบอกให้ฮวาเอ๋อร์ไปพักผ่อน นี่แค่เพียงเริ่มต้นนะเจ้าคะท่านพี่...