CHAPTER : XXXVIII
“มึงจะรีบไปไหนวะกัส?”
ผมเอ่ยถามมันเมื่อมันจู่ๆมันก็ไปขับไปรับผมที่คณะแล้วพาผมมายังเส้นทางที่จะไปบ้านผม ด้วยความเร็วเหนือพิกัดที่มักจะขับกันทุกที
“คืนนี้มึงนอนบ้านมึงนะ”
“ทำไม?”
“วันนี้กูมีบางอย่างต้องทำช่วงดึก”
“มึงมีถ่ายแบบเหรอ?”
“. ..อือ”
“งั้นมึงก็ให้กูไปนอนที่นู่นเหมือนทุกทีก็ได้นิ”
“ทำไม ไม่ชินกับเตียงตัวเองแล้วรึไง? :)”
“พูดบ้าอะไรมึง”
ผมกับมันจบการสนทนากันแค่นั้น เพราะผมเขินกว่าจะยอมรับความจริงแล้วตอบมันออกไปได้ว่า ‘เออ’ ผมเสหน้าออกไปนอกหน้าต่าง สักพักก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกกุมไว้ด้วยมือหนาของไอ่กัส พอหันกลับไปมอง ก็พบว่ามันกำลังกุมมือผมอยู่จริง ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความแปลกใจ แต่มันก็แค่ยิ้มกลับมาให้
สำหรับผมกับมันถึงเราจะเคยมีอะไรแบบนั้นกันแล้วมาหลายครั้ง แต่พวกผมก็ไม่ใช่คู่รักหวานที่จะทำตัวซึ้งและโรแมนติกอะไรอยู่ตลอดเวลา การที่มันทำแบบนี้ผมเลยอดแปลกใจไม่ได้
“มึงจะอยู่แดกข้าวที่นี่ก่อนไหม?”
“ฮึ ไม่ล่ะ กูว่าเดี๋ยวกูจะไปเลย”
“อ่อ งั้น.. .ทำงานดีๆนะมึง”
ผมว่าพร้อมกับทำท่าจะลงจากรถ แต่ก็ถูกมึงเรียกไว้ซะก่อน
“ปลาวาฬ”
“หือ?”
“กูรักมึงนะ”
“มาบอกอะไรกูตอนนี้ -///-”
“ก็แค่อยากบอก มึงล่ะ”
“...”
อย่างที่รู้กัน ผมมักจะไม่ถูกสุดๆกับคำสารภาพอะไรแบบนี้ แค่ฟังก็ยังรู้สึกแทบจะทนไม่ไหว นี่ถ้าให้เป็นฝ่ายพูดเองอีก ถ้าเป็นคนอื่นผมก็พูดอยู่หรอก แต่นี่เป็นมันไง ผมเขิน!
“มึงไม่ต้องตอบกูตอบบนี้ก็ได้ แต่ถ้ากลับมาสัญญานะว่ามึงต้องบอกรักกู”
“...”
“ปลาวาฬ”
เสียงเข้มขู่บังคับผม
“เออๆ กูสัญญาก็ได้”
. ..จะมาอยากได้ยินอะไรตอนนี้วะ... -///-
“ปลาวาฬ”
“อะไรเนี่ย เรียกกูจัง แล้วสรุปกูจะได้เข้าบ้านไหมเนี่ย?”
“สุดท้ายแล้ว กูแค่อยากถามมึงว่าถ้าสมมติกูผิดคำสัญญามึงจะรับได้ไหม?”
“ทำไมมึงถามแบบนั้น? :(”
“ตอบมาก่อนเหอะ”
“ก็ต้องอยู่ที่ว่ามึงมีเหตุผลมากน้อยแค่ไหนที่ไม่ยอมรักษาคำพูด แต่เอาจริงๆมึงก็ควรรักษาคำพูดว่ะ -*-”
“อ่อ”
“ที่มึงถามแบบนี้มึงแอบไปผิดคำสัญญาอะไรกับกู? -*-!”
“กูจะมีอะไรให้ผิด”
“ให้จริงเหอะ ช่วงนี้แม่งชอบทำตัวแปลกๆ คงไม่ได้แอบไปมีเด็กใช่ไหมมึง!? :(”
“หือออ กูจะไปมีที่ไหนได้ ก็รักมึงไปแล้วนะ อีกอย่างตอนนี้อยากเมื่อไหร่ มึงก็พร้อมอยู่แล้ว หึๆ :)”
“อ่ะ ไอ่บ้า”
“หึๆ”
มันหลุดหัวราะออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆขยับแล้วโน้มหน้าเข้ามาหาผม ริมฝีปากมันก้มลงชิดจรดริมฝีปากผมอย่างนิ่มนวล ก่อนจะค่อยๆขยับรูปปากเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับผมที่ก็ตอบรับรสจูบมันไปเช่นกัน
มันเริ่มจากเนิบนาบจนกลายเป็นดุดัน และก็กลับมาเนิบนาบต่อ ก่อนจะค่อยๆถอนออกจากริมฝีปากผม
“รีบลงไปก่อนที่กูจะทนไม่ไหวไป”
“ไอ่หื่นเอ้ย!”
“ฮ่ะๆ :)”
PICASSO’s
ผมมองตามหลังปลาวาฬไปจนลับสายตา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าบ้านปลอดภัยแล้ว ผมก็รีบเร่งเครื่องออกไปทันที วันนี้สถานีต่อไปของผมคือ... สนามแข่งรถ
ผมรู้ว่าผมสัญญากับปลาวาฬไว้แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาบ้าๆนี้ได้ แถมเมื่อไม่นานมานี้ผมได้พบความจริงบางอย่าง
‘เฌอเอม! ไอ่เหี้ยนี่มันเป็นใคร!?’
‘ไหนเอมว่ามีแต่ฉันล่ะ!?’
ขณะที่ผมกลับออกมาจากผับที่ลุงเอเดนท่านประธานผม เขานัดไปสังสรรคเล็กๆน้อยๆ พอออกมาหน้าผับ ผมก็เจอกับผู้หญิงที่คุ้นเคย เธอเคยเป็นคนๆเดียวที่ผมรัก แต่ตอนนี้เธอกลับแต่งตัวเปรี้ยวเกินซะจนผมแทบจำไม่ได้
แต่ที่สำคัญตอนนี้ตรงหน้าเธอมีผู้ชายสองคนกำลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ ทั้งคู่เริ่มผลัดกันผลักอกกันไปทีสองที แต่ก็ดูเหมือนเอมจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย เธอเพียงแค่ยืนกอดอกมองดูผู้ชายทั้งสองนั่นด้วยท่าทางเซ็งๆ จนเมื่อฝ่ายหนึ่งผลักอีกฝ่ายไปโดนเอมเข้า เอมก็สะบัดประเป๋าฟาดคนที่เซมาโดนเธออย่างแรงทันที ก่อนจะตะโกนออกไป
“นี่! เลิกทำตัวเป็นหมากัดกันซะทีเหอะ! ทะเลาะกันไปก็ใช่ว่าฉันจะเลือก เงินหมดแล้วก็ถอยไปสิยะ!! ฉันไม่ยอมให้พวกแกเอาฟรีๆโดยไม่มีเงินมาแลกหรอกนะ จำไว้ซะ!!”
ผู้หญิงที่ผมเชื่อมานานแสนนานว่าเป็นคนดีหนักหนา เชื่อจนถึงขนาดแทบจะตัดพี่ตัดน้องกับกรีน เหอะ โง่เนอะกู และตั้งแต่รู้ความจริงเรื่องเอมวันนั้น ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าใส่ผมอย่างจัง เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมเอาแต่อยู่กับความโกรธความแค้นที่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด
. ..ผมน่าจะเชื่อกรีน.. .
และเพื่อไม่ให้มีใครต้องเจ็บอีก ผมจะเป็นคนหยุดเขาเอง เขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อผม แต่ผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะเดินเข้าไปหาเขาโต้งๆเพื่อบอกให้เขาหยุด เพราะให้ตายยังไงคนอย่างเขาคงไม่หยุดง่ายๆเพียงแค่คำพูดของผมแน่ เพราะฉะนั้น ในเมื่อเขาสอนให้ผมรู้จักคำว่าลอบกัด ผมเองก็จะเรียนรู้แล้วปฏิบัติตามอย่างดี
“นายแกมารึยัง?”
ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายที่กำลังเตรียมตัวเพื่อเป็นคู่แข่งของผมคืนนี้ ส่วนนายของมันที่ว่าก็คือคุณนิติ เขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทเขาคนนั้น และผมก็สืบทราบมาว่าคุณนิติเป็นคนใจถึงและชอบพนันอะไรน่าสนุกๆตลอด
การเดิมพันครั้งนี้ ผมเลยเดิมพันด้วยหุ้น 10%ที่ผมมีทั้งหมดในบริษัท ถ้าผมชนะคุณนิติจะช่วยผมด้วยการถอนการลงทุนทั้งหมดกับบริษัทของเขา แต่ถ้าคนของเขาชนะ ผมจะเสียหุ้นทั้งหมดที่ผมมี
ซึ่งหุ้นเหล่านั้นมันถือเป็นรายได้ของทั้งชีวิตผมเลยทีเดียว ตั้งแต่อายุ 15 ที่ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว คุณคิดว่าผมจะสามารถไปหาเงินจากไหนมาใช้ได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหุ้นที่แม่ผมแบ่งไว้ให้ลูกทุกคนก่อนจากไป
และถึงแม้ว่าการถอนการลงทุนของคุณนิติจะไม่ได้ทำให้ถึงบริษัทของเขาล้มละลาย แต่ก็ทำให้เสียหายได้ไม่น้อยแหล่ะ คนอย่างเขาไม่ยอมแลกกับการสูญเสียเงินนับล้านล้านแบบนี้หรอก
ถ้าผมชนะ ผมจะใช้เรื่องนี้ไปกดเขาให้เลิกยุ่งกับพวกผม และยอมให้กรีนเข้าไปอยู่ในบ้านตามเดิม แล้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบกันสักที
“นานๆทีจะเห็นคนมาขอฉันให้ช่วยทำลายบริษัทตัวเอง”
ผมหันไปมองตามเสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาทางข้างหลัง คุณนิติเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ยังถือว่าดูดีอยู่มาก ถ้าไม่รู้จักเขา ผมก็คงจะนึกว่าเขาคงแค่ 30ต้นๆ ทั้งที่จริงแล้วอายุเขาน่ะเกือบจะขึ้นเลข 4 แล้วซะด้วยซ้ำ
“หึ อย่าเรียกว่าบริษัทของผมเลยครับ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทนั้นสักหน่อย”
“เอาเถอะ การเดิมพันน่าสนุกแบบนี้ ฉันก็ยินดีเล่น โชคดีล่ะ”
คุณนิติว่าก่อนจะเดินจากไปนั่งประจำที่ที่สามารถเห็นสภาพของสนามได้ทั้งสนาม ผมตรวจเช็คตัวเองดูอีกที ก่อนจะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายซะหน่อย
“เล่นให้ดีล่ะมึง”
“คนอย่างกูไม่มีทางแพ้มึงแน่! ไม่ว่ายังไงกูก็จะไม่แพ้ !!”
ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตามึนงง ทำไมมันต้องหงุดหงิดถึงขนาดนั้นด้วยวะ -*- ผมละความสงสัยกองไว้ตรงนั้น ก่อนจะตั้งสติและขึ้นรถไป รถคันนี้ผมยืมมาจากท่านประธานผมที่ชอบเล่นรถแข่ง
รถคันนี้ถือได้ว่าเป็นคันที่แรงที่สุด
ฟึ่บ ฟึ่บ!
ทันทีที่ธงโบกสะบัดเป็นสัญญานให้ออกตัว ผมก็รีบเร่งเครื่องออกไปทันที เป็นไงเป็นกัน เพื่อความรักของผม และก็เพื่อมึงด้วย.. .กรีน
END-
ในขณะที่ผมนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง ในหัวผมก็นึกย้อนไปถึงการทำตัวแปลกๆของไอ่กัสให้วุ่นไปหมด ทำไมมันถึงทำตัวแบบนั้นกัน :(
หรือมันกำลังคิดจะทำอะไรอยู่?
“เฮ้อ.. .”
ผมถอนหายใจออกมาบนเตียงแคบ
กุกกัก กุกกัก กุกกัก
ฟึ่บ
ผมผุดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยอัตโนมัติทันที สายตาผมเริ่มกวาดไปทั่วห้อง พร้อมกับโคมไฟที่หยิบมาถือไว้ในมือ วันนี้ผมปิดบ้านสนิท แมวหรือหมาอะไรก็ไม่ได้เลี้ยง แล้วเสียงนั่นมาจากไหน!?
ผมเดินฝ่าความมืดไป ออกแรงดันตู้เสื้อผ้าไปปิดประตูห้องนอนตัวเองไว้ ด้วยรางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีเอาซะเลย
ปึ่ก ปึ่ก!
ผมสะดุ้งตัวโหยงเมื่อจู่ๆก็เกิดแรงกระแทกตรงประตูผ่านตู้เสื้อผ้าเข้ามา
“คงรู้ตัวแล้วว่ะ พวกมึงรีบไปหาทางอื่นสิ”
0[]0!! เสียงคนคุยกันอยู่ภายนอกทำให้ผมรู้ทันทีว่าในไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น! ผมรีบกลับไปยังหัวเตียงตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาใครสักคนที่เคยถือวิสาสะเมมชื่อตัวเองไว้ว่า
-สามีมึง-
ตู้ด ตู้ดด ตู้ดดดด
ในขณะที่เสียงรอสัญญาณปลายสายดังอยู่ ผมก็แอบเห็นเงาตะคุ่มๆตรงหน้าต่างตรงระเบียงที่ยื่นออกจากห้องผมออกไปซะก่อน
ตรงนั้นเป็นกระจก!
เพล้งงง!! ตุ้บ!
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ได้คุ้นเคยเลยสักนิด มันเหมือนจะเป็นโกดังเก่าๆโทรมๆ เมื่อระดับโฟกัสสายตาตัวเองดีๆ ก็พบว่าคนตรงหน้าผมคือใคร
พ่อไอ่กัส...
ผมเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งจากรูปถ่าย ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกระบอกปืนที่ควงไปมาอยู่ในมือ
“ค่ะ คุณจับผมมาที่นี่ทำไม?”
“ถ้าฉันฆ่าแกตรงนี้ คิดว่าจะมีใครเห็นไหม?”
สายตาเหี้ยมๆส่งมายังผม เขาสินะที่เป็นคนทำร้ายไอ่พวกเพื่อนผม
“คุณคือพ่อของพิกัสโซ่ใช่ไหม?”
“ระหว่างใช่ กับ ไม่ใช่ มันต่างกันตรงไหนล่ะ?”
อึก ผมกลืนน้ำลายตัวเองลงคอพร้อมข่มความหวาดกลัวที่เอาแต่จะพุ่งออกมาให้ได้
“เลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ! ไม่งั้นแกได้จบชีวิตลงที่นี่แน่!!”
เสียงขู่ตะหวาดดังก้องไปทั่วโกดัง ผมมองหน้าชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดๆกลัวๆ มันไม่เหมือนกับตอนที่ถูกพี่กรีนจับตัวไป เขาไม่ได้มัดผมไว้กับเก้าอี้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเชื่อใจแล้ว แต่หมายความว่าถ้าผมคิดจะหนีเมื่อไหร่ ลูกกระสุนที่ถูกอัดอยู่ภายในกระบอกนั่นได้ลั่นใส่ผมแน่
“ผ่ะ ผมไม่รู้ว่า ท่ะ ทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับกัสด้วย”
ผมเค้นเอาความกล้าออกมาแล้วเปล่งเสียงถามออกไป
“ยังมีหน้ามาถามอีก! แกเป็นผู้ชาย!! มาคบกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ไม่รู้สึกผิดที่ทำให้พ่อแม่ตัวเองขายหน้าบ้างรึไง!?!”
“ไม่ครับ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ผมจะเข้าใจผมดี”
“ไอ่เด็กเหลือขอ!!”
เฮือก
ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่จนเหมือนแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ . ..เขาน่ากลัวเกินไป...
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย”
ชายวัยกลางคนว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาตรงที่ผมนั่งอยู่
กริ๊ก
ปลายกระบอกปืนจ่อตรงระดับกลางหน้าผากผมพอดี ตอนนี้ตัวผมสั่นเกร็งไปหมด สายตาเหี้ยมโหดก็ส่งออกมาให้ผมไม่หยุด
“เลิก-ยุ่ง-กับ-พิ-กัส-โซ่-ซะ”
“ผ่ะ ผมรักมัน”
“แต่มันน่าทุเรศ! ฉันจะนับถอยหลัง ถ้าแกยังไม่ยอมเอ่ยปากรับคำ แกได้จบชีวิตลงตรงนี้แน่! แล้วแกก็จะหายไปจากชีวิตทุกคนโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าแกหายไปไหน!!”
“ผมรักมัน”
“10”
“ยังไงผมก็จะไม่เปลี่ยนใจ”
“9”
“ลองคิดดูอีกทีเถอะครับ พวกผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“8”
“ขอร้องล่ะครับคุณลุง”
“7!”
“คุณลุงครับ”
“6! 5!! .. ”
ในเมื่อพูดไปเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟังผมสักนิด ผมเลยก้มหน้าหลับตาปี๋แล้วปล่อยเลขให้ถอยหลังไปอยู่แบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่พวกผมไม่ได้ทำอะไรผิดนิครับ
“4 3! 2!! หน่ะ.. .!”
แอด!
“ท่านครับ! คุณพิกัสโซ่ประสบอุบัติเหตุที่สนามแข่ง อาการสาหัสมากเลยครับ!!”
ปึ่ก
กระบอกปืนร่วงลงสู่พื้นพร้อมสายตาของชายวัยกลางคนที่เบิกกว้าง
ไอ่กัส!! 0__0!!
ผมที่ถูกทิ้งไว้ที่โกดังคนเดียว ก็รีบวิ่งออกมาตรงเส้นถนนหลัก ก่อนจะโบกรถแถวนั้นออกมา เพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ได้ยินมาจากลูกน้องคนที่เอาข่าวมาบอกพ่อไอ่กัส
เมื่อมาถึงก็ผมพี่กัณฐ์ พี่ราม ไอ่ฮักแล้วก็พ่อไอ่กัสที่นั่งอยู่ห่าง ผมรีบเดินโซซัดโซเซราวกับคนหมดแรงไปหากลุ่มของไอ่ฮักทันที
“กูโทรหามึงก็ไม่ติด ไปอยู่ไหนมาฮะ!?”
“กัส.. . ฮ่ะ ฮึกก กัสเป็นไงบ้าง. ..?”
ผมหลุดก้อนสะอื้นออกมา ตอนนี้ใจผมมันแย่มากจริงๆ
“...”
“มันอยู่ไหน!? มันอยู่ไหนฮะมึง ฮัก.. . มันอยู่ไหน?”
“ใจเย็นๆก่อนไอ่วาฬ ตอนนี้พี่กรีนกำลังเข้าไปในเลือดมันอยู่”
“มันเจ็บมากไหม? มันเป็นยังไงบ้าง!? ตอบกูหน่อยสิไอ่ฮัก!”
“ใจเย็น ใจเย็นนะเพื่อน ไอ่กัสมันอยู่ในมือหมอแล้ว มันอาการสาหัส แต่เชื่อกูสิว่ามันต้องไม่เป็นไร”
ไอ่ฮักดึงผมเข้าไปกอดปลอบ นั่นทำให้ผมปล่อยร้องโฮออกมาทันที
“กูบอกมันแล้ว ฮึก ก กูบอกมันแล้วว่าอย่าทำ ฮืออ อ มันสัญญากับกูแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะๆ”
“ฮืออ อ! ทำไมมันผิดคำสัญญากับกูวะ!! ไอ่เลว ฮืออ อ”
ผมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างหนัก ก่อนจะทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ มือหนาของพี่กัณฐ์เอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ
“ขอโทษด้วยนะครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้น ผมก็พบกับชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็น เขากำลังโค้งตัวอยู่ตรงหน้าพ่อไอ่กัส
“คุณนิติ?”
“ผมขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลูกชายของคุณกลายเป็นแบบนี้ ผมไม่รู้จริงๆว่าลูกน้องผมจะเล่นสกปรกถึงขึ้นตัดสายเบรกรถของลูกชายคุณ”
“คุณหมายความว่าไง?”
“พิกัสโซ่เขามาวางเดิมพันกับผม ถ้าผมชนะ เขาจะยกหุ้นทั้ง10%ของเขาให้ผมทั้งหมด แต่ถ้าเขาชนะ ผมจะต้องถอนการลงทุนจากคุณทั้งหมด”
“ว่าไงนะ!?”
“ผมว่าคุณลองคุยดีๆกับเด็กนั่นเถอะครับ ผมว่าเขาต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ขอให้ผมทำแบบนี้ ส่วนเรื่องค่ารักษาทั้งหมด ผมจะรับผิดชอบเอง”
คุณนิตินั่นโค้งตัวให้พ่อไอ่กัสอีกครั้งแล้วก็เดินจากไป นี่ก็หมายความว่า.. .มันทำไปเพื่อผม เพื่อเรา!
“เหี้ย .. .ใช้อะไรคิดวะ! ไม่มีสมองรึไงไอ่แว่นบ้า! ฮึก ก!!”
ในขณะที่ผมปล่อยน้ำตาให้ร่วงลงมาอย่างหนัก สายตาผมก็แอบเหลือบไปเห็นมือของชายวัยกลางคนที่กำลังสั่นเทาจนควบคุมไม่อยู่
ตอนนี้สีหน้าของพ่อไอ่กัสกำลังซีดเผือดไปหมด แถมมือเองก็สั่นไม่หยุด สายตาคู่นั้นมันกำลังส่งแววออกมาว่ารู้สึกกลัวแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้พูดจาอะไรออกมาสักนิด เขาเพียงแค่นั่งอยู่ไกลๆโดยมีพวกลูกน้องล้อมรอบ
“ท่านครับ ลูกค้าทางประเทศจีนส่งข่าวมาว่าเรือขนส่งกำลังมีปัญหา ให้นายท่านรีบเข้าไปแก้ไขด่วนครับ”
จู่ๆหนึ่งในลูกน้องของเขาก็โพล่งขึ้นมา พ่อไอ่กัสมองหน้าลูกน้องคนนั้นสลับกับประตูห้องฉุกเฉินที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออกมา
“ท่านครับ”
ลูกน้องคนนั้นเรียกขึ้นอีกครั้ง
“ฉันเข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ ฝากบอกทางนู้นด้วยว่าจะถึงอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
พ่อไอ่กัสว่าขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน และโดยไม่รู้สึกตัว ขาผมก็รีบขยับเข้าไปกางแขนบังชายวัยกลางคนๆนั้นไว้ทันที
“อยู่ที่นี่ .. .ฮึก”
“...”
“อยู่ที่นี่ต่อเถอะครับ.. .ฮึก ก”
ผมทรุดตัวลงกับพื้นด้วยแรงที่เหือดหายไปหมดแล้ว ผมก้มหน้ามองพื้น เห็นปลายเท้าของชายวัยกลางคนที่ยังไม่ได้ขยับไปไหน .. .ขอให้เขาอย่าไปเถอะ อย่างน้อยเขาก็ควรเป็นคนแรกที่ไอ่กัสจะได้เห็นเมื่อลืมตาตื่น
“ท่านครับ”
เสียงเรียกของลูกน้องคนนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเท้าสองข้างที่กำลังจะขยับออกไป และโดยไม่ผ่านการคิดจากหัวสมองอะไรทั้งนั้น ผมรีบพุ่งเข้าไปเกาะขาของเขาไว้ทันที
“คุณลุงครับ! อย่าไปเลย.. .อย่าไปเลยนะครับ ฮึก ก ให้.. . ให้ไอ่กัสมันได้เจอหน้าลุงเป็นคนแรกนะครับ ฮึก แล้วลุงจะทำยังไงกับผมก็ได้ . ..จะให้ผมเลิกยุ่งกับกัสผมก็ยอม นะครับ ฮึก ก นะครับคุณลุง. ..”
ผมเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้นเพราะร้องไห้อย่างหนัก มือผมก็เกาะขาเขาไว้อย่างแน่น ไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้เขาไปไหนแน่
“บอกทางนู้นทีว่าฉันติดธุระ”
_________________________________________________________________________________
สวัสดีวันพุธจ่ะ :) รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความดราม่า ขอบคุณที่ติดตามกันนะจ๊ะ