Prince 7 แก๊งอันธพาลกับนายนักเรียนแลกเปลี่ยน (8)
ตอนที่ 2
เวลา 06.15 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ-ประเทศไทย
กยอท เท มอ มืล รอ จุล เล ~~~
(โยบ..อะ เอ่อ สวัสดีครับ) กิมจูพูดเสียงติดๆ ขัดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดไทยได้แต่มันก็ยังไม่ชินอยู่ดี
(สวัสดีครับ ผมโทรมาจากทางโรงเรียนวายเซ่ร์ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณมาถึงสนามบินรึยังครับ? ) ปลายสายถามกลับ
(เอ่อ ถึงแล้วครับ) กิมจูอยากจะบอกคนปลายสายเหลือเกินว่าเขาเดินวนกลับมาที่เดิม 2 รอบแล้ว
(ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ส่วนไหนของสนามบินครับ ผมจะได้เดินไปรับ) กิมจูพยายามสอดส่องสายตามองรอบๆ เพื่อที่จะบอกจุดที่ตัวเองยืน ต้องบอกจุดเด่นสินะ...
(มีบันไดเลื่อนอยู่ข้างๆ เอ่อ แล้วก็มีคนเดินผ่านไปมาเยอะๆ ตรงด้านหน้ามีร้านขายอะไรสักอย่าง อะแล้.../ เอามานี่กูพูดเอง/ มึงใจเย็นๆ ดิ๊ไอ้โจว) เสียงโวยวายดังขึ้นจากปลายสายซึ่งน่าจะมีมากกว่า 2 คน
(มึงช่วยบอกจุดเด่นได้ปะ บันไดเลื่อนตรงที่พวกกูยืนอยู่ก็มี มึงจะให้คนคลานผ่านมึงรึไง แล้วร้านขายอะไรสักอย่างของมึงเนี่ย มันขายอะไรระบุด้วยดิสัส แม่งเอ้ย ! นี่พวกกูมารับเด็กอนุบาลรึไงวะ) กิมจูเงียบไปสักพัก เพื่อแปลประโยคที่แสนจะยาวเหยียดของอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับ
(แล้วจะให้ผมทำยังไง นี่ผมก็เดินหลงมาสองรอบแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อยกระเป๋าก็หนัก คุณก็ยังจะมาว่าผมอีก ไม่อยากมารับก็ไม่ต้องมา ผมหาทางไปเองก็ได้ พาโบยา!) กิมจูกดวางสาย เขาเริ่มมองไปรอบๆ อีกครั้ง ก่อนจะเห็นพนักงานของสายการบินยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม กิมจูไม่รอช้าเขารีบเดินตรงไปหาพนักงานคนนั้นทันที
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าทางออกอยู่ตรงไหน?” กิมจูรวบรวมความกล้าเข้าไปถาม อย่างน้อยก็คงดีกว่าคนที่โทรมาหาเขาเมื่อกี้
“อ่อ เดินตรงไปทางนี้เลยครับ สุดทางเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปอีกนิด ประตูทางออกจะอยู่ทางขวามือ” พนักงานส่งยิ้มมาให้กิมจูอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณมากครับ” กิมจูยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อมตามคำสอนของแม่ เจอใครที่มีอายุมากกว่าหรือให้ความช่วยเหลือ เราก็ต้องไหว้ขอบคุณเขา
กิมจูเดินลากกระเป๋าตามทางที่พนักงานบอกไปเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นทางแยกระหว่างอาคาร กิมจูยืนนิ่งก่อนจะทำหน้าเครียดคิ้วทั้งสองข้างเริ่มจะผูกกันเป็นปม เหงื่อเริ่มผุดออกมาตามไรผม กิมจูเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ก็เขานะ เขานะ เป็นพวกแยกซ้ายกับขวาไม่ออกนะสิ ! ปกติเวลาอยู่กับพ่อหรือแม่กิมจูมักจะเป็นฝ่ายเดินตามเสมอ แต่ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว จะทำยังไงดี..
ทางด้านกลุ่มของร่างสูงหลังจากที่ปลายสายถูกตัด พวกเขาก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ โดยที่สายตาก็ยังคงหาอีกคนไปทั่ว จนมาถึงทางแยกระหว่างอาคาร
"ใช่ไอ้เด็กที่ยืนทำท่าเอ๋อๆ ตรงกลางทางแยกนั่นปะวะ" กั๊มถามเพื่อนของเขา ก่อนจะชี้ไปที่เด็กหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่ยืนเด่นอยู่ตรงกลางระหว่างทางแยก
"กูว่าใช่วะ " แทยังบอก
"เดินไปถามเดี๋ยวก็รู้" เมฆพูดก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเดินตรงไปหาเด็กหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร?” ร่างสูงของแทยอนถามคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า ถึงจะมั่นใจว่าใช่ แต่มันเป็นมารยาทยังไงเขาก็ต้องถาม
“ถามผมหรอ?” กิมจูชี้นิ้วมาที่ตัวเองก่อนจะทำหน้างงๆ
“ถามมึงนั่นแหละไอ้เตี้ย”
“ไอ้โจว มึงนี่จะปากหมาไปไหนวะ” กิมจูมองคนกลุ่มนี้ก่อนจะขมวดคิ้วออกมา เสียงคนเมื่อกี้มันคุ้นๆ เหมือนกับว่าเขาเคยได้ยินมาก่อน แต่ดันจำไม่ได้นะสิว่าเคยได้ยินที่ไหน..
“ชื่ออะไร” เมฆถามซ้ำอีกรอบ
“ชื่อจริงหรือชื่อเล่นครับ?” กิมจูถามกลับด้วยท่าทางซื่อๆ ถึงจะแอบกวนตีนไปบ้างก็เถอะ
“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กนี่มันกวนตีนดีวะ ” กั๊มที่ยืนสังเกตคนตัวเล็กอยู่สักพัก เอ่ยออกมา หน้าตาน่ารักดูซื่อๆ แต่นิสัยแอบกวนตีน อยากจะเห็นสภาพตอนอยู่ใต้ร่างของเขาชะมัด
"ผมไม่ใช่เด็ก หย่านมนานแล้ว ผ้าอ้อมก็ไม่ได้ใส่แล้วด้วย" กิมจูตอบ
“กวนตีน” เร็นพึมพำออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาลากตัวกิมจูออกไปด้านนอก
“เฮ้ยๆๆๆ ปล่อยผมนะ ช่วยด้วยครับๆ คนโรคจิตจะจับตัวผม” เร็นชะงักกึกก่อนจะหันมามองหน้ากิมจูที่ยิ้มแหยๆ มาให้เขา
"นาย อิศรา พรหมอินทร์ ถ้าไม่ใช่ก็เถียงออกมา” กิมจูได้แต่อ้าปากหวอ คนพวกนี้ก็คือคนที่ทางโรงเรียนส่งมารับเขาสินะ งั้นก็แปลว่าไอ้คนที่ว่าเขาเมื่อกี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในคนพวกนี้ ถึงว่าเสียงคุ้นๆ
“ไอ้ยังมึงโทรบอกคนขับรถรึยัง มัวแต่ยืนมองไอ้เด็กนี่อยู่ได้” โคลต์พูดบอกกับแทยัง ก่อนจะเดินมาโอบไหล่ของกิมจูเอาไว้ ตัวเล็ก หน้าขาว ปากแดงเป็นกระจับ จมูกโด่งได้รูป จะเรียกว่าสวยก็คงจะไม่ผิด
“ผมชื่อ กิมจู ไม่ใช่ ไอ้เด็กนี่ แล้วก็เลิกจ้องหน้าผมได้แล้ว ผมรู้ว่าผมหล่อ” กิมจูปัดแขนของโคลต์ออก ก่อนจะเดินหนีไปด้านหน้าที่มีแทยอนกับเมฆเดินอยู่
“แม่งปากดีน่าจับดูดชิบหาย” โจวที่เดินมาด้านข้างของโคลต์พูดขึ้น ก่อนจะมองบั้นท้ายของคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้า น่าขย้ำ..
พลั๊ว ! ! !
“ใจเย็นไอ้สัส ขืนทำอะไรวู่วามเดี๋ยวกระต่ายตื่นตูมอดแดกกันพอดี” กั๊มที่เดินมาด้านหลังตบหัวของโจวก่อนจะเดินตรงไปหาคนตัวเล็กด้านหน้า
“ว่าแต่กู หางมึงก็โผล่ออกมาเหมือนกันละวะไอ้กั๊ม” โจวบ่นพึมพำก่อนจะเดินตามเพื่อนของเขาไปเพื่อขึ้นรถ
พวกเขายืนรออยู่ด้านหน้าสักพัก ก่อนจะมีรถตู้สีขาวมาจอดตรงหน้าซึ่งก็คือรถส่วนตัวที่พวกเขาใช้มารับกิมจู โดยมีกิมจูกับเร็นนั่งแถวหน้า ตามด้วยแทยังกับแทยอน เมฆกับกั๊ม และโจวกับโคลต์ บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเงียบจนกิมจูรู้สึกอึดอัด จริงสิเขายังไม่รู้ชื่อของคนพวกนี้เลยนิ เมื่อคิดได้ดังนั้นกิมจูจึงพูดขึ้น
“นี่ๆ พวกนายชื่ออะไร ไม่คิดจะบอกผมเลยรึไง?” กิมจูยืดตัวขึ้นจากเบาะก่อนจะมองไปด้านหลัง
“สนใจพวกกูขึ้นมาแล้วอะดิ กูชื่อกั๊ม ยินดีที่ได้รู้จักนะไอ้หน้าหวาน” กั๊มยิ้มกว้างให้กับกิมจู กิมจูยอมรับว่าคนกลุ่มนี้มันหน้าตาดีเกินเด็กม.ปลายจริงๆ จนบางทีกิมจูก็แอบใจเต้นแรงอยู่เหมือนกัน นี่ถ้ากิมจูเป็นผู้หญิงคงจะตกหลุมรักคนพวกนี้แน่ เดี๋ยวนะ คนพวกนี้ นี่เขาคิดอะไรอยู่กันนะ
“กู โจว ผัวในอนาคตของมึง”
“อะไรคือ ผัว มันกินได้รึเปล่า ?” ถึงแม่ของกิมจูจะสอนภาษาไทยให้ตั้งแต่เด็ก แต่มันก็ยังมีบางคำที่แม่ของเขาไม่ได้สอน ซึ่งมันทำให้กิมจูอดที่จะสงสัยไม่ได้
“กินได้ตั้งแต่หัวจรดโคน มึงอยากลองไหมละ?”
“แล้วมันต้องหั่นก่อนกินไหม ?” กิมจูถาม
“อุ๊บ ! ฮ่าๆๆๆๆ ” เสียงหัวเราะของกั๊มทำให้กิมจูขมวดคิ้วเป็นปม เขาพูดอะไรผิดงั้นหรอ ในขณะที่โจวก็เอามือกุมส่วนนั้นของตัวเองเอาไว้
“กิมจูของแบบนั้นถึงมันจะกินได้แต่ก็ไม่สมควรที่จะหั่นนะครับ” แทยอนตอบก่อนจะอมยิ้มให้เล็กน้อย
“อ่าวหรอ แล้วพวกนายเคยกินไหม ผัว นะ?” ร่างสูงทั้ง 7 ถึงกับสะอึกกับคำถามที่กิมจูเอ่ยออกมา อ่าวนี่เขาถามอะไรแปลกๆ ออกไปหรอ?
“ไม่อยากรู้ชื่อพวกกูแล้วรึไง เอาแต่ถามเรื่องผัวอยู่ได้ ” โคลต์พูดเปลี่ยนเรื่อง กิมจูเบะปากออกมาเล็กน้อย ก็เขาอยากรู้นี่นา
"งั้นพวกนายก็บอกชื่อมาสักทีสิ"
“เร็น” กิมจูเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“มันก็เป็นแบบนี้แหละ กูชื่อ เมฆ ยินดีที่ได้รู้จัก” เมฆหันมายิ้มให้เขาเล็กน้อย แต่กลับทำให้กิมจูรู้สึกขนลุกแบบแปลกประหลาด ในรอยยิ้มนั้นมันเหมือนแฝงอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจเอาไว้
"กู โคลต์ ยินดีที่ได้รู้จัก"
“ผมแทยอนครับ ส่วนคนที่นั่งข้างๆชื่อ แทยัง เป็นน้องชายฝาแฝดของผม อ่อ อีกอย่างผมก็เป็นคนเกาหลีเหมือนกับคุณ มีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาผมได้นะครับ” กิมจูพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลง แทยอนดูแตกต่างกับเพื่อนของเขา จนกิมจูอดสงสัยไม่ได้ว่าบางที แทยอนอาจจะโดนบังคับให้มาอยู่ในกลุ่ม
“นี่ๆ ไอ้หน้าหวาน” กั๊มส่งเสียงเรียกกิมจูอีกครั้ง กิมจูหันหลังไปมองก่อนจะทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ผมชื่อ กิมจู เรียกให้ถูกด้วย”
“โดนไป 1 ดอก” แทยังส่งเสียงแซวออกมา ก่อนจะหันไปสนใจเกมส์ในไอโฟนต่อ
“เออๆ นั่นแหละ กูพลาดนิดเดียวแม่งตอกย้ำจัง”
“แล้วมึงจะถามอะไรไอ้เปี๊ย..เอ่อ กิมจู วะ” โคลต์ถามก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามหลังจากที่โดนสายตาของกิมจูกดดันมาจากด้านหน้า
“เออวะ กูลืมไปเลย มึงอะมีแฟนรึยังวะ” กั๊มถาม ก่อนที่ทุกคนในรถจะเงียบเหมือนรอฟังคำตอบจากกิมจู
“อะไรคือ มึง กับ กู ?” กิมจูไม่ตอบแต่กับถามกลับ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา
“จะบอกยังไงดีวะ กูเป็นคำที่ใช้เรียกแทนตัวเอง ส่วนมึงก็คือคำที่ใช้เรียกคนอื่นไง แบบ กูคือไอ้กั๊ม ส่วนมึงคือกิมจู ประมาณนี้ปะวะ ?” แทยังอธิบายออกมา โดยใช้นิ้วชี้ไปที่กั๊มกับกิมจู เพื่อทำให้กิมจูเข้าใจง่ายขึ้น
“อ่อ มึงไม่มีแฟนหรอก กูจะถามไปทำไม?” ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างสูงทั้ง 7 ถึงกับเอามือกุมขมับ บางคนก็ทึ้งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า พวกเขาจะได้ของเล่นหรือจะต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กกันแน่
“โว๊ยยย ! หงุดหงิด”
“เอ่อ เอาเป็นว่ากิมจูพูดแบบเดิมเถอะครับ ไอ้เรื่องมึงกับกูนี่ก็ลืมๆ มันไปเถอะ มันเป็นคำหยาบมีแต่คนนิสัยไม่ดีเท่านั้นที่จะใช้” แทยอนตอบ
“เดี๋ยวนะ นี่มึงหลอกด่าพวกกูอยู่ปะวะ?” โคลต์ถาม
“ก็แค่คำอธิบายครับ”
“นี่ไอ้เตี้..” ยังไม่ทันที่เมฆจะพูดจบ กิมจูก็พูดสวนขึ้น
“กิมจู จะให้พูดย้ำอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ หรือนายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหะ ผมละปวดหัวจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงมีสิทธิมาเรียกคนอื่นแบบนี้ จะบอกให้ฟังอีกรอบนะ ผมชื่อ กิมจู ไม่ใช่ ไอ้เปี๊ยก ไอ้เตี้ย ไอ้เด็กนี่ ไอ้เด็กนั่นหรืออะไรทั้งนั้น เหอะ!” กิมจูบ่นออกมายาวเหยียดจนทำให้เมฆถึงกับอึ้ง ก็นี่มันเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ามาว่าเขาแบบนี้ ซึ่งไม่ต้องถามถึง 6 คนที่เหลือตอนนี้นั่งกุมท้องขำกันเป็นที่เรียบร้อย ขนาดเร็นที่ว่านิ่งที่สุดยังอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“กูชอบมึงวะ พึ่งจะเคยเห็นคนที่กล้าว่าไอ้เมฆก็วันนี้แหละ ฮ่าๆๆ” กั๊มพูดออกมา
“หุบปากไปไอ้กั๊ม” เมฆมองกิมจูหน้านิ่งดวงตาแข็งกร้าว แล้วเราจะได้เห็นดีกันกิมจู
กิมจูเอนตัวพิงกับกระจกด้านข้างแล้วมองออกไปด้านนอกกระจกที่มีตึกอาคาร บ้านเรือน สิ่งก่อสร้างในแบบที่กิมจูไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูสวยแปลกตา กิมจูยิ้มออกมานี่คือสถานที่ๆ เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่เป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะค่อยๆ หนักอึ้ง ไม่นานกิมจูก็คล้อยหลับไป
“หลับแล้วหรอวะ” กั๊มที่นั่งอยู่ด้านหลังถามขึ้นเมื่อเห็นกิมจูนิ่งไป
“อืม” เร็นตอบพลางมองหน้าที่หลับพริ้มของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“กว่าจะหลับ ยามึงเสื่อมแล้วรึไงวะไอ้เร็น” โคลต์ถาม
"ก็ปกติ" เร็นเอื้อมมือไปปิดช่องแอร์ที่อยู่ตรงหน้าของกิมจูที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษและมีแค่เบาะที่กิมจูนั่งเท่านั้นที่จะได้รับผลของยาตรงๆ ซึ่งเขาเองก็ได้รับผลกระทบแต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไรออกมา อาจจะเป็นเพราะว่าเขาชิน
"แต่รอบนี้ยามึงออกฤทธิ์ช้าไปจริงๆ พึ่งจะใส่ตอนที่มันหันหลังมาถามชื่อพวกกูสินะ" แทยังถามเพราะถ้าเป็นปกติเร็นจะใส่ยาไว้ที่ช่องแอร์ตั้งแต่แรก ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นกิมจูน่าจะหลับไปตั้งแต่ตอนขึ้นรถช่วง 5 นาทีแรกไปแล้ว แต่นี่กลับไม่ใช่ ซึ่งถ้าแทยังเดาไม่ผิดมันก็น่าจะเป็นช่วงที่เร็นเอื้อมมือไปปรับช่องแอร์ในระหว่างที่กิมจูหันหลังมาคุยกับพวกเขา
"เรื่องของกู" เร็นตอบก่อนจะหลับตาลง
"เร็น" เสียงเรียกทำให้เร็นต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเห็นแทยอนยืื่นเสื้อมาให้
“อะไร?” เร็นรับเสื้อของแทยอนก่อนจะถามขึ้น
“ผมคิดว่าเขาคงหนาว” แทยอนมองกิมจูที่ตัวสั่นนิดๆ เร็นที่เห็นดังนั่นก็เอาเสื้อคลุมตัวของกิมจูเอาไว้
“ไอ้เมฆมึงจะปล่อยให้ไอ้เด็กนี่ไปนอนที่หอหรอวะ” โจวถามออกมา
“กูมีที่ๆ ดีกว่านั้น”
“ที่ๆ ดีกว่าคือ ?” แทยังเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์เพราะตอนนี้มันมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่า
"คอนโดของพวกเราสินะครับ" แทยอนพูด
“ห้องเก็บของ?” เร็นพึมพำออกมา เพราะคอนโดที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจะมีก็แค่ห้องเก็บของเท่านั้นที่ยังไม่ใช้
“แล้วมึงจะให้มันไปนอนตรงไหนวะ ไอ้ยอนมึงโทรไปบอกแม่บ้านให้จัดของห้องนั้นเตรียมไว้เลย ให้เสร็จก่อนครึ่งชั่วโมงนะเว้ย ฮ้าววว...ง่วงชิบหาย” หลังจากที่บอกแทยอนเสร็จโคลต์ก็เอนหลังนอนทันที ก่อนที่แทยอนจะโทรหาแม่บ้านของเขาเพื่อให้จัดเตรียมห้องไว้ให้กิมจู
“สวัสดีครับ ผมแทยอน รบกวนช่วยจัดห้องเก็บของให้ผมหน่อย อ่อ เอาพวกเฟอร์นิเจอร์จัดให้ด้วยนะ ใช่ครับ ฝากด้วยละ ผมจะเข้าไปอีกครึ่งชั่วโมง หวังว่าคุณคงจะทำเสร็จทัน” หลังจากที่คุยจบแทยอนก็กดวางสายทันที หลังจากนี้มันจะสนุกแค่ไหนกันนะ กิมจู
TBC.3
สปอย
เฮือกก !
“อ่าว ตื่นแล้วหรอวะ”
“อะ ป..ปล่อย ผมนะ”
“เอ็กซ์ดีวะ ไอ้โคลต์ถ่ายไว้ให้หมดนะมึง”
"ฮึก ป..ปล่อยผม ถ..เถอะ"
"หึ ไอ้คนที่ปากดีคนนั้นมันหายไปไหนซะแล้วละ"
1 เม้น = 1 ล้านกำลังใจ
อ่าวๆ ทำไมตอนหน้ามันดูติดเรท