*รถโดยสารยังคงเคลื่อนตัวไปอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อถึงป้ายจอด มันก็เข้าจอดรับผู้คนไปตลอดทาง
จากจุดที่อาแซมขึ้นซึ่งเวลานั้นยังมีผู้คนไม่มากนัก แต่เวลานี้คนโดยสารเริ่มทยอยกันขึ้นมาจนเต็มคัน
เสียงเอะอะโวยวายทั้งของคนขับและเสียงพูดคุยของคนในรถดังไม่หยุดหย่อนแต่สำหรับอาแซมแล้วเวลานี้โลกทั้ง
ใบดูเหมือนจะสงบนิ่ง
เนื้อหาในจดหมายฉบับนั้นบอกข่าวร้ายกับเขา แฟนของเขาเขียนมาตัดพ้อต่อการกระทำของเขาที่จากบ้านมาโดยไม่เคยกลับมาหา
นอกจากส่งแต่เงินไปให้ทุกเดือนซึ่งแม้เงินจะมากพอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวมีความสุขสักเท่าไร ?
แต่ที่สำคัญข่าวร้ายสำหรับเขาเวลานี้คือแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว
ได้ทำพิธีง่ายๆที่บ้านเกิดและตัวของเธอเองก็ได้มาตามหาเขาที่กรุงเทพฯแห่งนี้
นอกจากนั้นในจดหมายยังบอกที่อยู่ของเธอเอาไว้ด้วย หลายปีแล้วนับตั้งแต่เขาจากมา อาแซมจำได้ว่า
น้ำตาของเขาไม่เคยไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นเลย หรือแม้แต่การที่เขาต้องหนีจากการตามล่าของเจ้าหน้าที่อย่างหัวซุกหัวซุนเขาเองก็ไม่เคยร่ำร้องหรือเจ็บปวดต่อโชคชะตาของชีวิต แต่เวลานี้.....
<font face="Thread-00000724-Id-00000025"> </font>
เวลาที่เขายังมืดมนกับการถูกไล่ล่า
กับข่าวร้ายที่เขาได้เพิ่งรู้ ความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาเจาะลงตรงหัวใจของเขา
มันบีบรัดให้เจ็บแปลบอยู่ในทรวงอก พาให้น้ำตาที่แข็งกระด้างอยู่ภายในใจหลั่งไหลและทะลักออกมาทางเบ้าตา
อย่างไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้
อาแซมยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเอง พยายามจ้องมองออกไปเบื้องนอ
น้ำตาที่ไหลซึมออกมาเริ่มหยุดหลั่งแล้ว แต่จิตใจของเขาเวลานี้เหมือนกับจะหมดเรี่ยวแรงจนเขาเองก็สุดที่จะฝื่น
ตัวเองให้คงร่างที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้อีกต่อไป อาแซมหลับตาลงปล่อยหัวไปพาดกับพนักพิงในหูได้ยินเสียงคำราม
ของเครื่องยนต์รถโดยสารและเสียงวุ่นวายของผู้คน
แต่ภายในใจของเขากลับว่างเปล่าและไร้ทิศทาง