วิโรจน์ยืนกระสับกระส่ายดูเหมือนใจใจเขามีอะไรสงสัยและอยากจะพูด
แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากอะไรออกไป ลิฟต์จอดและเปิดอีกสองชั้นมีคนเดินเข้ามายืนสบทบจนเขา
และเพื่อนห้องข้างเคียง
ต้องถอยร่นเข้าไปจนชิดผนังด้านใน
เวลานี้วิโรจน์และอาแซมมายืนประชิดกันจนหัวไหล่แทบจะชนกัน วิโรจน์รู้สึกว่าชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่อย่างน้อยก็ต้องสูงกว่าเขาอย่างแน่นอน
แม้เมื่อต้องมายืนอยู่ด้วยกันใกล้ๆ จะทำให้เขารู้สึกประหม่าอย่างไร้สาเหตุอยู่บ้าง กระนั้นเพราะเขาเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ว่าชายคนนี้เป็นเพื่อนบ้านอาศัยในห้องติดกันกับห้องของเขาก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น
"เอ่อ...ขอโทษนะครับ"
วิโรจน์เอ่ยขึ้นขณะที่ลิฟต์ยังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วลงสู่เบื้องล่าง เขาหันไปมองอาแซมเพื่อให้รู้ว่าเขาพยายามจะคุยด้วย
อาแซมพยายามวางหน้านิ่งหันมามองเขาตามเสียงที่ได้ยิน
"คุณอยู่ห้อง3หรือครับ"
วิโรจน์ถามต่อด้วยใบหน้าประหม่า เขาไม่แน่ใจว่าเพื่อนบ้านอยากจะคุยกับเขาหรือเปล่า ชายคนนั้นพยักหน้ารับแต่ไม่มีคำพูด
วิโรจน์ยื่นมือออกไปให้เขาแล้วว่า "ผมชื่อวิโรจน์ครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ห้อง2ซึ่งติดกับห้องของคุณ
อาแซมจำต้องยื่นมือออกไปให้จับอย่างเสียไม่ได้แล้วพูดว่า
<font face="Thread-000013c0-Id-0000000a"> </font>
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
ต่อจากนั้นเขาก็ปล่อยมือแล้ววางสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่ได้คุยกัน
อาการของเขาทำให้วิโรจน์รู้สึกประหม่ายื่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ขณะที่อาแซมนั้นรู้ดีว่าเขาไม่สมควรจะสนิทสนมหรือคุ้นเคยกับใครในอาคารตึกแห่งนี้หากไม่จำเป็น
"เอ่อ ...เมื่อคืนนี้น่ะครับ"วิโรจน์พยายามอีกหน
"เมื่อคืนผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรล้มในห้องของคุณ ไม่
ทราบว่าใครเป็นอะไรหรือเปล่า"
อาแซมหันมามองหน้าเขาอีกหน เขารู้สึกแปลกใจที่ถูกถามขึ้นเช่นนั้น
"ตอนไหน?" เขาถามขึ้นอย่างกระด้าง
"ผมไม่แน่ใจ ประมาณสัก3 หรือ 4 ทุ่มละมังครับ"
อาแซมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเข้านอน เขารู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขา แต่ก็ไม่แน่ใจมามันมาจากอะไร
ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะตอบผู้ที่ถามอย่างไร จึงได้แต่วางเฉย
ขณะที่วิโรจน์เองดูเหมือนจะเข้าใจในอาการของคู่สนทนา อีกทั้งหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือคู่สนทนาไม่อยากเล่าเขาก็คิดว่าไม่จำเป็นอะไรที่เขาต้องรู้ ดังนั้นจึงวางเฉยไปด้ว