"ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเราลงไปคุยกันที่สำนักงานด้านล่างกันดีกว่า"
ลุงปานแนะนำ
"ปัง"
เสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาจากห้องนอนใหญ่ทำเอาทุดคนสะดุ้ง
ลุงปานเป็นคนแรกที่แสดงอาการผวาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะไหวตัวทันและพยายามสงบอารมณ์ของตัวเองลง
"เอ้อ...เออ"
เขาพูดเสียงละล่ำละลักทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆย่องไปตามทางที่ได้ยินเสียงนั้น
ลุงปานชะโงกหน้าเข้าไปมองฝ้าเพดาน ทำให้ทุกคนหันตามกันขึ้นไป
"ห้องไม่มีคนอยู่พวกหนูคงวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่บนนั้น"
ลุงปานว่าและพยายามทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
วิโรจน์พยักหน้ารับรู้ก่อนพูดว่า"ถ้างั้นหากเราตัดสินใจเข้ามาอยู่ก่อนเข้ามาลุงช่วยจัดการไล่พวกมันไปให้ด้วยนะครับ"
เขาพูดขณะยื่นมือไปจับลูกบิดของประตูห้องก่อนจะดึงมันเข้ามาปิด
ลมอีกระลอกที่ไม่รู้ที่มาที่ไปพัดตรงมายังใบหน้าของคนทั้งสาม
มันมาพร้อมกลิ่นอับชื้นเหมือนกับที่พบเมื่อตอนเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรกวิลัยรู้สึกขนลุกชันเมื่อจมูกสัมผัสกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นี้ กระนั้นเธอก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่าความรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติของห้องว่างที่ปล่อยเอาไว้นานเช่นนี้
หลังจากที่ลุงปานใส่กุญแจคล้องและกดล็อกมันเรียบร้อย พร้อมที่จะลงไปสำนักงาน ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินตรงไปยังลิฟต์ กลางตึกนั้น หากใครสักคนหนึ่งสังเกตุโดยใช้หูฟังสักนิด พวกเขาจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนและคร่ำครวญทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิงดังแว่วออกมาจากห้องหมายเลข2แห่งนี้
เสียงที่ได้ยินนั้น บ้างก็เป็นเสียงร่ำไห้ บางช่วงก็สลับกับเสียงหัวเราะ และบางครั้งก็จะได้ยินเป็นเสียงโหยหวนเจ็บปวดราวกับว่าใครสักคนหนึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ภายในห้อง แต่เสียงที่น่ากลัวมากที่สุดคือ เสียงแสดงความยินดีที่แสดงออกมาว่าอีกไม่นานจะมีผู้มาเช่ารายใหม่เข้ามาอยู่ที่นี่!!