สำคัญยังไง ถ้าเราได้อ่านหนังสือ?

เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เจ้าของเว็บไซต์เฟสบุ๊คอย่าง มาร์ค ซัคเกอเบิร์ก ได้สอบถามคนที่ติดตามเขาผ่านทางเฟสบุ๊คเพื่อช่วยคิดหาสิ่งท้าทายที่มาร์ค ซัคเกอเบิร์กจะทำตลอดปี 2015 ซึ่งคำตอบออกมาเป็นว่า เขาต้องอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่ม ทุกๆ 2 อาทิตย์ซึ่งจะเน้นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความเชื่อ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และ เทคโนโลยี

คิดได้ดังนั้นนายมาร์คจึงได้เปิดเพจในเฟสบุ๊คที่มีชื่อว่า “A Year of Books” เพื่อบอกให้รู้ว่าใน 2 สัปดาห์ปัจจุบัน ซีอีโอเฟสบุ๊คคนนี้กำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่และเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกเพจได้อ่านตามและมาร่วมพูดคุยกันเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือ หลังจากเปิดเพจมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ตอนนี้มียอดไลค์บนเฟสบุ๊คมากถึง 208,792 ไลค์เข้าไปแล้ว

หนังสือเล่มแรกที่มาร์ค ซัคเกอเบิร์กเลือกมาอ่านนั่นคือหนังสือ “Moises Naim’s The End of Power” หนึ่งในหนังสือการเงินที่ดีที่สุดของปี ซึ่งภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประกาศลงไปในเพจของเขา ยอดขายหนังสือเล่มนี้จากทั่วโลกก็พุ่งขึ้นสูงอย่างถล่มทลาย

ด้วยการกระตุ้นของมาร์ค ซัคเกอเบิร์กให้มาร่วมกันอ่านหนังสือที่เขาอ่านในปีนี้ ทำให้เรานึกย้อนกลับมาถามตัวเองว่า อยากจะทำอย่างเศรษฐีอายุน้อยคนนี้บ้างรึเปล่า แน่นอนคำตอบที่ออกมาคงจะเหมือนกับทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นั่นคือ ใช่!! วันนี้เราจึงมีเหตุผลมาสนับสนุนเพิ่มเติมว่าทำไมเราควรอ่านหนังสือให้ได้มากๆกัน

1. ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆในชีวิต 

มุมมองและวิถีชีวิตส่วนใหญ่ที่เราเป็นอยู่ เรามักได้มาจากประสบการณ์ชีวิต แต่มันไม่จำเป็นเสมอไปที่เราจะต้องไปเจอกับสิ่งนั้นโดยตรงเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ตัวละคร จินตนาการ หรือข้อคิดที่ได้หลายๆอย่างจากในหนังสือ สามารถให้มุมมองชีวิตใหม่ๆกับเราได้ งานวิจัยสังคมชิ้นหนึ่งพบว่า การอ่านนวนิยายสามารถเพิ่มความสามารถในการทำความเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นได้มากขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

2. ท่องเที่ยวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

จะมีโอกาสมั้ยที่เราจะสามารถเดินคนเดียวบนถนนของเมืองนิวยอร์คได้โดยที่บนถนนนั้นไม่มีคนอื่นๆอยุ่เลย? คำตอบคือเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่หนังสือสามารถให้โอกาสเราในการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่เราใฝ่ฝันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะแยะมากมาย เพียงแค่เราซื้อหนังสือเกี่ยวกับสถานที่ที่เราอยากไปเราจะได้พบกับ วิถีชีวิตที่แตกต่าง สำรวจเมืองใหม่ๆและวัฒนธรรมอื่นๆที่เราเองก็ไม่เชื่อว่าจะมีแบบนี้ในโลกด้วย

3.งานเขียนสามารถขยายฐานความรู้เราได้ 

ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีโมรี่ (Emory University) ในแอตแลนต้าเปิดเผยว่าการอ่านงานเขียนทำให้ความสามารถของการเชื่อมต่อของข้อมูลในสมองให้เพิ่มมากขึ้น โดยสมองส่วนที่เพิ่มความสามารถตรงนี้จะประกอบไปด้วย หนึ่งคือซีกสมองด้านซ้ายซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับความเข้าใจในเรื่องภาษา และร่องสมองส่วนกลาง ซึ่งมีหน้าที่ในเรื่องของประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวของร่างกาย

เห็นผลลัพธ์จากการอ่านหนังสือแบบนี้แล้ว คงจะทราบกันแล้วล่ะสิว่าทำไม วัยรุ่นเศรษฐีหมื่นล้านอย่างมาร์ค ซัคเกอเบิร์กถึงเลือกการอ่านหนังสือให้เป็นสิ่งท้าทายของเขาประจำปี2015นี้ ใครอยากมีชีวิต มุมมอง และสมองที่พัฒนาขึ้น ก็สามารถนำวิธีง่ายๆนี้ไปใช้กันได้ เพียงแค่เรา “อ่านหนังสือ” แค่นั้นเอง