เสกนิยายดั่งใจฝัน

 

 

เสกนิยายดั่งใจฝัน

 

#

 

 

"อยากแต่งนิยายสักเรื่องแต่ทำไมมันยากจัง?"

 

"แต่งมาดีแล้วเชียว แต่ทำไมถึงแต่งตอนจบไม่ได้ล่ะ?"

 

"พล็อตนิยายแบบนี้มันซ้ำกับคนอื่นหรือเปล่านะ?"

 

            ใครที่เกิดคำถามเหล่านี้ในหัว วันนี้ธัญญ่าจะพามาดูคร่าวๆ ว่าการที่จะ เสกนิยายดั่งใจฝัน ได้นั้น ว่าที่นักเขียนอย่างเราควรเตรียมตัวยังไงกันบ้าง

 

1. อ่านให้เยอะ

 

            เคยสังเกตตัวเองกันไหมคะว่ายิ่งเราอ่านเยอะเท่าไหร่ จินตนาการเราก็จะเปิดกว้างขึ้นเท่านั้น จะเห็นว่านักเขียนนิยายดังๆ หลายคนก็ผันตัวมาจากการเป็นนักอ่านนะจ๊ะ เช่น นักเขียนชื่อดังอย่าง สตีเวน คิง (Stephen King) นักเขียนนิยายแนวสยองขวัญชาวอเมริกัน ที่ผลงานของเขาถูกนำไปสร้างเป็นบทภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง!    

 

 

 

สตีเวน คิง

 

            สตีเวนบอกว่า

 

“มีสองสิ่งที่ควรทำเมื่อจะเป็นนักเขียนคือ..อ่านให้เยอะ และเขียนให้มาก

ไม่มีอะไรที่ผมให้ความสำคัญเท่าสองสิ่งนี้”

 

            และทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอ่านให้หลากหลายแนวเข้าไว้เพื่อเป็นการหาแนวทางให้กับตัวเอง เพราะการที่เราได้อ่านนิยายหลากหลายแนวจะทำให้เราได้ซึมซับและรู้ตัวเองมากขึ้นว่าเราถนัดใช้วิธีการเขียนแบบไหนและนิยายของเราควรจะไปในทิศทางใดนั่นเองแต่ธัญญ่าแนะนำว่าอ่านเพื่อเปิดโลกจินตนาการเท่านั้นจะดีกว่า ให้เป็นทางที่ช่วยผลักดันแรงบันดาลใจ อย่าคัดลอกหรือก็อปมาเลยค่ะ อันนี้ไม่ดีแน่ๆ

 

 

2. แรงบันดาลใจ

 

            พูดง่ายแต่จะไปหามาจากที่ไหนได้บ้างล่ะ?

            สำหรับธัญญ่า บางครั้งแค่เพียงมองไปข้างหน้าก็เกิดแรงบันดาลใจแล้วค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะเริ่มหาแรงบันดาลใจในชีวิตประจำวันนั้นธัญญ่าแนะนำให้ลองอ่านนิยาย ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเปิดหูเปิดตานอกสถานที่ดูบ้าง เพราะว่าแรงบันดาลใจสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลานั่นเอง และไม่เว้นแม้แต่ใน ความฝัน

 

            นักเขียนหลายคนประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการหยิบเอาแรงบันดาลใจจากความฝัน มาสร้างเป็นผลงาน อย่างเช่น แมรี่ เชลลี่ย์ ผู้เขียนนิยายเรื่อง แฟรงเกนสไตน์ ก็เขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาจากความฝันเช่นกัน

 

 

 

 

            ถือว่าเด็ดพอๆ กับฝันเห็นเลขเด็ดเลยค่ะ ใครที่อยากลองหาแรงบันดาลใจจากความฝัน ธัญญ่าแนะนำให้หากระดาษกับปากกามาวางไว้ข้างๆ หมอน แบบว่าพอสะดุ้งตื่นปุ๊บ ตั้งสติแล้วจดลงกระดาษปั๊บเลย อาจจะได้พล็อตนิยายที่ปังสุดๆ ก็ได้นะคะ ใครจะรู้!

 

 

3. พล็อตสุดปัง

  

            ถ้าบางคนยังงงๆ ว่าพล็อตคืออะไร ธัญญ่าขออธิบายสั้นๆ ว่าพล็อต หรือ โครงเรื่อง หมายถึง เนื้อหาสาระสำคัญของเรื่องที่ครอบคลุมเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ อาจจะมีความซับซ้อนและมีการผูกเรื่องให้น่าสนใจ

            แต่พล็อตนิยายในโลกนี้มีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันพล็อต พล็อตแบบไหนกันนะที่จะปัง?

            จากที่ธัญญ่าเคยอ่านนิยายมาหลายเรื่องและหลายแนว ธัญญ่าก็พอจะจับทางได้ว่านิยายที่สนุกและน่าติดตามนั้นต้องเป็นเรื่องที่นักเขียนผูกปมความขัดแย้งของเรื่องได้ดี ไม่ว่าจะเป็นปมหลักหรือปมย่อย และการดำเนินเรื่องภายใต้ปมความขัดแย้งนั่นแหละที่จะเป็นตัวตัดสินว่านิยายเรื่องนั้นสนุกหรือไม่

            การวางพล็อตที่ดีต้องมีการวางลำดับเรื่องตั้งแต่ต้นเรื่อง กลางเรื่อง จนกระทั่งจบเรื่อง อันดับแรกธัญญ่าแนะนำให้วางเป้าหมายของเรื่องไว้ก่อนเลยค่ะเพื่อควบคุมทิศทางของนิยาย โดยพล็อตที่ดีนั้นต้องเป็นพล็อตที่นักเขียนมั่นใจว่าสามารถแต่งได้จนจบ และมีเหตุผลมารองรับทุกเหตุการณ์เสมอ แหม ก็นี่มัน 2018 แล้วนี่คะ ถ้าวางพล็อตไม่รัดกุมพอ นักอ่านอ่านแล้วไม่ make sense ก็จบกันล่ะทีนี้ กระซิก

            พูดถึงเรื่องการวางพล็อตที่ดีแล้วธัญญ่าก็นึกถึง ‘J.K. Rowling’ เจ้าของผลงานวรรณกรรมที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง ‘Harry Potter’ ที่เคยเปิดเผยว่าก่อนจะเริ่มเขียนนิยายสักเรื่อง เธอต้องวางแผน’  ก่อนเสมอ ซึ่ง เจ.เค. โรว์ลิง ใช้เวลาในการวางพล็อตนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์นานถึง 5 ปีด้วยกัน ตู้หูว นานสะใจไหมล่ะคะ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คุ้มค่าเพราะนิยายของเธอประสบความสำเร็จอย่างร้ายกาจ!

 

 

เจ.เค. โรว์ลิง

 

 

 

4. ชื่อเรื่องสุดว้าว

 

                มองข้ามไม่ได้จริงๆ สำหรับชื่อเรื่องเพราะถือว่าเป็นด่านแรกที่คนอ่านจะมองและให้ความสนใจนิยายของเรา ดังนั้นการตั้งชื่อที่มีเอกลักษณ์ สะดุดตา และมีความน่าสนใจก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของนิยายค่ะ แต่ทำยังไงถึงจะน่าสนใจกันล่ะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักเขียนแต่ละคนแล้วว่าต้องการจะดึงจุดเด่นอะไรออกมานำเสนอผ่านชื่อเรื่อง เช่น ถ้าต้องการชูตัวละครเอกก็สามารถตั้งชื่อตามชื่อตัวละครได้เลย จะเห็นว่าหลายๆ เรื่องนั้นประสบความสำเร็จเสียด้วยสิคะ เช่นสองเรื่องด้านล่างนี้เป็นต้น

 

 

 

 

  

 

 

            นอกจากตั้งตามชื่อตัวละครแล้ว ความคล้องจองก็สำคัญไม่หยอก เพราะคนเรามักจะจำอะไรที่คล้องจองกันได้ง่ายกว่ายังไงล่ะคะ ดังนั้นการตั้งชื่อนิยายให้มีความคล้องจองกันก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นิยายของเราน่าหยิบมาอ่านนั่นเอง

            ทริคการตั้งชื่อเรื่องนั้นค่อนข้างจะหลากหลายทีเดียว ธัญญ่าฝอยทั้งวันก็คงยังไม่หมดเพราะงั้นเอาเป็นว่าชื่อเรื่องที่ดีควรกระชับ มีเอกลักษณ์ หรือถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นชื่อเรื่องที่ดีพอหรือยัง ธัญญ่าก็แนะนำให้ลองเอาให้เพื่อนหรือคนใกล้ชิดช่วยดูก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยก็เป็นการตัดสินจากมุมคนนอกไม่ใช่จากตัวนักเขียนอย่างเราเอง

 

 

5. เขียนให้จบ

  

            เขียนมาตั้งนานแล้วยังไม่จบสักที! มันติดอยู่ตรงไหนกันนะ?

            ใครมาตันตรงนี้ ธัญญ่าขอแนะนำวิธีง่ายๆ เลย ลองย้อนกลับมาดูพล็อตก่อนค่ะว่ามีตรงไหนที่พลาดไปจากที่วางไว้หรือเปล่า เพราะถ้าหากว่าออกทะเลไปแม้แต่นิดเดียว การจะว่ายกลับเข้าฝั่งนั้นก็ดูจะยุ่งยากกว่าการพยายามไม่ให้โดนคลื่นซัดออกไปตั้งแต่แรกเป็นไหนๆ

            เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ วางโครงเรื่องไว้ทั้งหมดและรู้จุดมุ่งหมายของเรื่องชัดเจนแล้วล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ การแต่งนิยายให้จบนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

 

            ฟังดูเหมือนยากแต่เราจะไม่มีวันรู้ว่ามันยากแค่ไหนจนกว่าจะได้ลงมือทำมัน ฮั่นแน่! คมบาดใจสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ ยังไงธัญญ่าก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีความฝันอยากจะเป็นนักเขียน อย่าเพิ่งทิ้งความฝันของตัวเอง ถ้าตั้งใจจะเดินตามความฝันแล้วล่ะก็วางแผนเส้นทางมุ่งสู่ฝันให้ดีและทำมันให้สำเร็จนะคะ   อยากจบแบบสวยๆ บ้างอะ งั้นขอทิ้งท้ายด้วยประโยคคมๆ จากนักเขียนชาวไทยที่ประสบความสำเร็จกันบ้างดีกว่า เขาคนนั้นก็คือเจ้าของนามปากกา นิ้วกลม นั่นเองค่ะ

 

 

"ถ้าฝันที่เราสามารถเดินไปถึงได้

แต่เราไม่ได้พยายามพัฒนาตัวเองหรือพยายามวิ่งที่จะไปให้ถึง

ได้เพียงแต่ยืนมองดูเฉยๆ จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

เพราะความสำคัญของความฝันคือจุดหมายที่สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต"

 

นิ้วกลม -

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.se-ed.com/,

https://blog.eduzones.com/sutthida/177975,

http://newsbusters.org,

http://happinessisthailand.com/2017/03/

 

 

3.9kอ่านประกาศ 2018-05-20T06:04:06.9030000+00:00ลงประกาศ

แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด ()
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น